ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 981

บทที่ 981 แม่น้ำมรรคกระบี่ที่แตกต่างกัน

หานเจวี๋ยพิจารณาบุตรสาวคนเล็กของตนใหม่อีกครั้ง

คล้ายตัวเขาจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือว่านิสัย

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกเหมือนได้พบผู้สืบทอดแล้ว ที่ผ่านมาหานฮวงไม่เคยทำให้เขารู้สึกเช่นนี้เลย

‘ข้าต้องเลี้ยงดูนางให้ดี พอถึงเวลาหากเจ้าพวกตัวแสบที่อยู่ด้านนอกกล้าทรยศก็ส่งหลิงเอ๋อร์ไปจัดการ’

หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

หานหลิงเอ่ยถามว่า “ท่านพ่อ พอถึงงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแล้วพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ถึงแม้จะไม่เข้าร่วมแต่ข้าก็อยากเห็นพลังของเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ในฟ้าบุพกาลเจ้าค่ะ”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ พอถึงเวลาก็ค่อยพาไปชมการต่อสู้พร้อมกับเหล่าภรรยา

สองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่สักพัก หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย

พองานชุมนุมฟ้าบุพกาลใกล้เข้ามา การต่อสู้ในแวดวงสหายก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เผชิญกับการโจมตีทว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสน้อยมาก คาดว่าล้วนเป็นการประลองฝีมือทั้งสิ้น

หลังอ่านจดหมายจบ หานเจวี๋ยสอดส่องโลกปฐมยุคที่อยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ

เทพมารชีวิตที่เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลตนแรกพิสูจน์มรรคแล้ว โลกปฐมยุคมีระดับสูงกว่าโลกฟ้าบุพกาลและอนธการก่อนหน้านี้ แต่ถึงเทพมารชีวิตจะพิสูจน์มรรคแล้วตอนนี้ก็ยังไม่พบวิธีสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น

เขาคิดไม่ออกเลยว่าสรุปแล้วต้องสร้างอย่างไรกันแน่

จุดสำคัญคือมีความรู้น้อยเกินไป

เหตุผลที่เขาต้องการสร้างสิ่งมีชีวิตก็เพียงเพราะรู้สึกว้าเหว่เท่านั้น

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมาก็ส่งเสี้ยวเจตจำนงเข้าไปในโลกปฐมยุค

เวลานี้ เทพมารชีวิตกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีผืนทะเล ผืนทวีปและป่าไม้แล้ว

ร่างกายของเทพมารชีวิตใหญ่โตมโหฬารปานขุนเขา นั่งอยู่ท่ามกลางทิวเขา ทุกครั้งที่หายใจก่อให้เกิดลมกระโชกน่าหวาดหวั่น ทำให้ป่าไม้บนทิวเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง รูปร่างเขาคล้ายงู มีสามเศียร เศียรกลางคล้ายเด็กชายคิ้วหนาตาโต ส่วนอีกสองเศียรด้านข้างคล้ายเด็กผู้หญิง เครื่องหน้างดงามเรือนผมยาวปลิวไสว

ร่างหนึ่งที่มีแสงเจิดจ้าพร่าตาปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าในตำแหน่งกลางหน้าผากของเทพมารชีวิต เป็นหานเจวี๋ยนั่นเอง

เทพมารชีวิตลืมตาขึ้น จ้องมองหานเจวี๋ย

ขณะนี้ภายในโลกปฐมยุคไม่มีการเข่นฆ่าสังหาร ดังนั้นเทพมารชีวิตจึงไม่หวาดกลัว มีเพียงความสงสัย

เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของหานเจวี๋ยไม่ได้

หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากำลังสับสนเรื่องใดอยู่”

เทพมารชีวิตตอบว่า “ข้าอยากสร้างตัวตนที่เป็นเช่นเดียวกับข้าขึ้น…ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี แต่สุดท้ายก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ…”

ต้องบอกเลยว่า เทพมารฟ้าบุพกาลใสซื่ออย่างยิ่ง พบพานกับตัวตนลึกลับอย่างหานเจวี๋ยแต่เขาก็ยังบอกความคิดในใจออกไปตามตรง

ไม่มีความกังขา ไม่มีการเข่นฆ่า ไม่มีการริษยา แนวคิดในการตระหนักรู้ของสิ่งมีชีวิตยังไม่ก่อตัวขึ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีวิธี เจ้าจำเป็นต้องดึงดูดพลังแห่งการสรรค์สร้างเข้ามา…”

เขาเริ่มชักนำให้เทพมารชีวิตทำความเข้าใจในพลังแห่งการสรรค์สร้าง

มหามรรคสามพันวิถีก่อตัวขึ้นแล้ว ตั้งอยู่เหนือโลกปฐมยุค หากไม่พิสูจน์มหามรรคก็ไม่มีทางสอดส่องได้

สำหรับเทพมารฟ้าบุพกาลแล้ว โลกปฐมยุคกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไร้จุดสิ้นสุด โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง ทำให้การบำเพ็ญไม่มีความหมายอีกต่อไป เทพมารฟ้าบุพกาลส่วนใหญ่นอกจากฝึกบำเพ็ญก็จะอยู่นิ่งๆ ในอาณาเขตของใครของมัน เงยหน้ามองจักรวาลปฐมยุคที่อ้างว้างเช่นเดียวกัน

ผ่านไปนานยิ่ง

หานเจวี๋ยค่อยๆ เลือนหายไป เทพมารชีวิตอยู่ในสภาวะตระหนักทำความเข้าใจ

หานเจวี๋ยที่อยู่ในอารามเต๋าลืมตาขึ้น

เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องลงมาผลักดันขั้นตอนการวิวัฒนาการด้วยตัวเอง

ตอนนี้ถึงแม้ปราณปฐมยุคภายในโลกปฐมยุคจะเพิ่มพูนขึ้น แต่ก็ยังมีไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนของปราณอนธการ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ