บทที่ 980 สิบยอดฟ้าบุพกาลไม่พอให้จัดลำดับ
“เอาเถอะ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ รายละเอียดเรื่องราวยกให้เจ้าจัดการได้เลย”
หานเจวี๋ยโบกมือพลางเอ่ยวาจา เทพมหาทัณฑ์รีบตอบรับโดยเร็ว
แดนความฝันสิ้นสุดลงตรงนี้
หานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความคาดหวังต่องานชุมนุมฟ้าบุพกาล
สำหรับตัวเขาแล้วงานชุมนุมฟ้าบุพกาลไม่มีความหมายอะไรเลย แค่งานครื้นเครงเล็กน้อยเท่านั้น
ฝึกบำเพ็ญมาหลายล้านปีก็สมควรจะได้ครื้นเครงบ้าง งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้ต้องเป็นงานชุมนุมที่ครึกครื้นที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน ซ้ำยังมีเขาเป็นตัวตั้งตัวตีด้วย
คิดจบหานเจวี๋ยก็เริ่มฝึกบำเพ็ญ
ในช่วงหมื่นปีให้หลัง ข่าวลือสารพัดที่เกี่ยวข้องกับงานชุมนุมฟ้าบุพกาลเริ่มแพร่ออกไป ทำให้ฟ้าบุพกาลคึกคักยิ่งขึ้น
ณ โลกวังสวรรค์
ภายในวังแม่ทัพเทพฮวง หานฮวงขมวดคิ้วแน่น
ซูฉีและหานอวี้อยู่เบื้องหน้าเขา ซูฉีมาเพื่อพูดเรื่องของจ้าวซวงเฉวียน หานอวี้มาเพื่อพูดเรื่องชิงเทียนเสวียนจี
ชิงเทียนเสวียนจีเป็นตัวแทนมรรคาสวรรค์ จี้เซียนเสินต้องการหลีกเลี่ยงข้อครหา ส่วนอริยะคนอื่นคิดว่าตัวเองไม่มีน้ำหนักพอจึงส่งหานอวี้มา ถึงแม้หานอวี้จะเป็นทายาทรุ่นหลังของอริยะสวรรค์เกรียงไกร แต่หลี่เต้าคงอาจารย์ของเขาแยกตัวไปจากสำนักซ่อนเร้นแล้วดังนั้นเขาจึงไม่นับว่าเป็นศิษย์สำนักซ่อนเร้น
ซูฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องฮวง หากว่าไม่สะดวกก็ปฏิเสธได้ ไม่เป็นไร”
หานอวี้พยักหน้าเห็นพ้อง
หานฮวงอยากปฏิเสธ แต่เป็นครั้งแรกที่มีศิษย์ร่วมสำนักมาขอความช่วยเหลือจากเขา ซูฉีเป็นศิษย์พี่ของเขา ส่วนหานอวี้ยิ่งเป็นทายาทรุ่นหลังของเขา ในฐานะผู้อาวุโสจะปฏิเสธคำขอร้องจากชนรุ่นหลังได้อย่างไร
หานฮวงมองไปที่หานอวี้อีกครั้ง รู้สึกเหมือนได้เห็นบิดาตน
ช่างเถิด
“ตกลง ให้พวกเขาสองคนมาเถอะ มีข้าอยู่ต้องปกป้องพวกเขาได้แน่” หานฮวงเอ่ยออกไป
ซูฉีรีบเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นเลย ขอเพียงเจ้าพาพวกเขาไปลงสนามรบจริงก็พอแล้ว หากพวกเขาไม่สามารถเอาชีวิตรอดไปได้ เช่นนั้นก็ถือว่าพวกเขาทำตัวเอง”
หานอวี้พยักหน้าเห็นพ้อง
หานฮวงมิใช่เด็กน้อยเช่นในกาลก่อนแล้ว ยังคงเข้าใจหลักการพื้นฐานของธรรมชาติมนุษย์อยู่ เขาย่อมทราบดีว่าเมื่อจ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจีมา เขาก็จำต้องคอยดูแลให้ดี บาดเจ็บได้แต่จะปล่อยให้ตายไม่ได้
หลังตกลงเรื่องราวสำเร็จ ซูฉีและหานอวี้จากไปโดยเร็ว
หานฮวงไปหาจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ
เขาไม่ได้มีเวลาว่างพาสองบุตรแห่งสวรรค์ไปออกรบ ช่วงเวลาส่วนใหญ่เขาล้วนปิดด่านฝึกบำเพ็ญ ย่อมต้องฝากฝังไว้กับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
พอจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายได้ฟังก็ยิ้มหน้าบานทันที
“เราเคยได้ยินชื่อจ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจีมาก่อน นับเป็นเรื่องดี!”
เห็นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มสดใสเช่นนี้ หานฮวงพลันกลอกตาใส่
หานฮวงเอ่ยเตือนว่า “เด็กสองคนนี้เป็นยอดดวงใจของมรรคาสวรรค์ ให้มาติดตามวังสวรรค์ชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งไม่อาจปล่อยให้เกิดความเสียหายได้ เข้าใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เราย่อมเข้าใจดี เราเพียงชมชอบบุตรแห่งสวรรค์เท่านั้น เขาก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ต่อให้ไม่ทำงานรับใช้เรา ได้รู้จักคบค้าไว้ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน มีสหายเพิ่มมาหนึ่งคนก็ลดศัตรูลงไปได้หนึ่งคน”
หานฮวงตอบรับอย่างเสียไม่ได้
….
ณ โลกมหามรรคอวิชชา
บนทะเลทรายไร้ขอบเขต ตาน้ำพุขนาดเล็กหลายแห่งที่มีขนาดต่างกันไปผุดขึ้นบนพื้นดิน พวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่นั่งสมาธิอยู่ข้างตาน้ำพุที่ต่างกันไป แยกตัวอยู่ไกลกันออกไป
จ้าวเซวียนหยวนเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนว่า “พี่น้องเอ๋ย ข้ากำลังจะฝ่าขั้นเล็กแล้ว!”
เจียงอี้เอ่ยขึ้นว่า “ข้าฝ่าได้นานแล้ว”
เต้าจื้อจุนกล่าวว่า “ตบะจะนับเป็นอันใดกัน ข้าใกล้จะควบคุมอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคได้แล้ว ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคในครั้งนี้ต้องเป็นข้าแน่”
จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะสู้ศิษย์น้องฮวงได้หรือ อีกอย่างศิษย์น้องทั่วก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน คนเขาเป็นถึงเทวทัณฑ์ ตอนนี้ห้าเทวทัณฑ์เป็นดวงจิตทรงพลังอย่างแท้จริงแล้ว”
เต้าจื้อจุนเลิกคิ้วเอ่ยไปว่า “เช่นนี้แล้วอย่างไรเล่า หรือว่าพวกเราต้องยอมแพ้กัน อย่าว่าแต่เลิศล้ำหมื่นยุคเลย หากต้องยอมถอยให้จริง เกรงว่าสิบยอดฟ้าบุพกาลก็คงไม่พอให้ถอยแล้ว สำนักซ่อนเร้นของพวกเรามีบุตรแห่งสวรรค์มากมายเหลือเกิน”
เหล่าตานได้ยินประโยคนี้ก็อดกลอกตาไม่ได้
ช่างอวดอ้างวางท่านัก
เขาอดนึกถึงโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ไม่ได้
โลกอริยะไตรวิสุทธิ์จะมีบุตรแห่งสวรรค์ที่เชิดหน้าชูตาได้หรือไม่
เจียงอี้กล่าวด้วยความสะท้อนใจ “หานทั่ว หานฮวง เจียงเจวี๋ยซื่อ เหล่าศิษย์สืบทอดสำนักซ่อนเร้น ว่ากันตามจริงก็จัดลำดับไม่พอจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...