บทที่ 986 สุดแข็งแกร่ง
ปฐมยุคสิ้นสูญ สามารถควบรวมสร้างดาบแสงขึ้นจากพลังทำลายล้างเจ็ดวิถีได้ ทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหมดได้ด้วยการกวาดตามอง!
พลังวิเศษนี้หานเจวี๋ยคิดค้นอ้างอิงขึ้นจากเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด
ส่วนประสิทธิผลของปฐมยุคสิ้นสูญยังคงต้องทดสอบยืนยันจากการต่อสู้จริง
เขาเริ่มใช้งานแบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้กับดวงจิตนพชาติ
เขาใช้ปฐมยุคสิ้นสูญสังหารดวงจิตนพชาติได้ภายในลมหายใจเดียว
เพียงแต่เรื่องนี้นำมาวัดความแข็งแกร่งของพลังวิเศษไม่ได้ เพราะเดิมทีตบะของเขาก็เหนือกว่าดวงจิตนพชาติไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ปฐมยุคสิ้นสูญแค่ใช้พลังวิเศษอย่างอื่นก็สังหารดวงจิตนพชาติในเสี้ยววินาทีได้แล้ว
หานเจวี๋ยท้าสู้กับดวงจิตนพชาติหนึ่งร้อยคนในคราวเดียว อาศัยสถานการณ์นี้สำแดงความแข็งแกร่งของปฐมยุคสิ้นสูญ
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
‘ไม่เลว เทียบกับปฐมยุคประทับนภาแล้ว ปฐมยุคสิ้นสูญสำแดงพลังทำลายล้างของเทพมารปฐมยุคได้มากกว่า’
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ ปฐมยุคประทับนภาครอบคลุมแทบทุกด้าน โจมตีได้ป้องกันได้ควบคุมได้ผนึกได้ แต่ไม่สามารถสำแดงพลังทำลายล้างสุดแข็งแกร่งของเทพมารปฐมยุคได้
ปฐมยุคสิ้นสูญก็ใช้ได้ ทว่าไม่มีประโยชน์ในด้านอื่น มีประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือพลังทำลายล้างสุดขีดที่แข็งแกร่งกว่าฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร
ฝ่ามือสวรรค์มหากรียงไกรสามารถทำลายทุกสิ่งได้เช่นกัน แต่ไม่ยืดหยุ่นสักเท่าไร แต่ปฐมยุคสิ้นสูญกลับต่างออกไป พลังทำลายล้างเจ็ดวิถีจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าศัตรูจะวางวาย!
เมื่อเผชิญกับปฐมยุคสิ้นสูญ ดวงจิตนพชาติที่แกร่งกล้าก็ทำได้เพียงตกเป็นฝ่ายตั้งรับ
ปฐมยุคสิ้นสูญทะลวงผ่านพลังแห่งกฎเกณฑ์และค่ายกลทุกอย่างได้ ทั้งยังแฝงพลังทำลายล้างสูงสุดเอาไว้!
หากว่าไม่มีเจ้านวฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยสามารถใช้ปฐมยุคสิ้นสูญทำลายล้างฟ้าบุพกาลได้ทันที
ถูกต้อง พลังปฐมยุคของเขาสามารถทำลายระเบียบกฎเกณฑ์ห้วงมิติของฟ้าบุพกาลได้!
หลังจากทดสอบในแบบจำลองอยู่หลายสิบครั้ง ปฐมยุคสิ้นสูญของหานเจวี๋ยก็บรรลุถึงขั้นสูงสุด แตกฉานถ่องแท้
อยากได้ศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อมาสู้กันสักคนจริงๆ!
น่าเสียดาย คราก่อนเจ้านวฟ้าบุพกาลมาปรากฏตัวในความฝัน ไม่เช่นนั้นหานเจวี๋ยคงคัดลอกตบะอีกฝ่ายมาแล้ว
พลังของผู้สร้างมรรคา เขามีความคาดหวังสูงยิ่ง
“ท่านพ่อ ข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ข้าทำตามที่ท่านพ่อแนะนำ กองทหารจักรพรรดิของข้าฝึกฝนตั้งขบวนค่ายกล พลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด มาประลองกันเถอะเจ้าค่ะ!”
จู่ๆ หานหลิงก็เอ่ยขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยยิ้มพลางพยักหน้ารับ
ต่อกรบุตรสาวย่อมนำปฐมยุคสิ้นสูญมาใช้ไม่ได้ หากทำเช่นนั้น มรรคจิตของสาวน้อยคนนี้จะแตกร้าวได้
ยังคงเป็นเช่นที่ผ่านมา หานเจวี๋ยยืนนิ่งๆ หานหลิงไม่สามารถทำลายแนวป้องกันได้ ได้แต่ยอมแพ้ไป
หานหลิงมองอาภรณ์ที่หานเจวี๋ยสวมใส่ ก่อนเอ่ยถาม “ท่านพ่อ สมบัติวิเศษบนตัวท่านเป็นระดับใดบ้างเจ้าคะ”
นางรับรู้ได้ว่าหานเจวี๋ยไม่ได้ออกแรงเลย อาศัยเพียงสมบัติวิเศษบนตัวป้องกันการโจมตีของกองทหารจักรพรรดินับล้าน
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ความลับ”
ถึงเป็นบุตรสาวก็ต้องปกปิดไว้
หากวันไหนนางหลุดปากออกไปเล่า
หานหลิงเบะปาก ถอนหายใจพลางเอ่ยถามว่า “ท่านพ่อ ในฟ้าบุพกาลมีผู้ทรงพลังระดับเดียวกับท่านมากน้อยเพียงใดเจ้าคะ แล้วตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าท่านเล่ามีเท่าใด”
หานเจวี๋ยตอบว่า “มากมายกระมัง ผู้ที่บรรลุถึงระดับเดียวกับข้า ส่วนใหญ่ล้วนเก็บตัวบำเพ็ญอยู่ในอาณาเขตของใครของมัน ถึงอย่างไรข้าก็ไม่นับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างสิ้นเชิง ข้าเพียรบำเพ็ญก็เพื่อให้กลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งในเร็ววัน”
สีหน้าของหานหลิงเคร่งขรึมขึ้นมา ดวงตาก็ฉายแววแน่วแน่
“ท่านพ่อ ข้าจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญไปพร้อมกับท่านเจ้าค่ะ เมื่อท่านกลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่ง ข้าก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสอง!” หานหลิงเอ่ยอย่างจริงจัง
หานเจวี๋ยถามด้วยสีหน้ายิ้มคล้ายมิยิ้ม “โอ้ เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งอันดับสองหรือ เจ้าไม่อยากแซงหน้าพ่อบ้างหรือ”
หานหลิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ย่อมอยากเหนือกว่าท่านพ่อแน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถพูดจาวางโตออกไปได้เจ้าค่ะ”
นี่เป็นเรื่องปกติ
หานเจวี๋ยอดขำไม่ได้
นอกจากคนที่เคยผ่านคุกสวรรค์อนธการมาแล้ว บุตรธิดาเหล่านั้นของหานเจวี๋ยล้วนอยากก้าวข้ามเขาไปทั้งสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...