รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 132

ทันใดนั้น สีหน้าของลาเต้สุขุมลง เขากวาดสายตามองใบหน้าของทั้งห้าคน ก่อนจะหยุดลงตรงที่ใบหน้าของส้มเปรี้ยว

“เรื่องม้าของคนรักของผม ผมได้สอบถามผู้ดูแล และได้เลือกม้าตัวเมียที่เชื่องที่สุด ตามหลักแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะพยศอย่างกะทันหัน ดังนั้นผมจึงคิดว่า มันต้องมีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน”

“คุณลาเต้ คุณคิดว่า มีคนทำอะไรบางอย่างกับม้าของคุณมายมิ้นท์เหรอ?” ชาหวานนึกบางอย่างออกอย่างรวดเร็ว พลางถามกลับด้วยดวงตาที่เบิกโพลง

“ผมไม่ได้ทำนะครับ” ปีโป้กลัวจะตกเป็นผู้ต้องสงสัย จึงส่ายหน้าปฏิเสธเป็นคนแรก

ทามทอยดื่มชาอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ผมด้วย”

“ไม่ใช่ฉันแน่นอน” ชาหวานยกมือขึ้นปฏิเสธอีกคน

ลาเต้มองสองคนที่เหลือ พร้อมพูดว่า “งั้นเหลือแค่คุณเปปเปอร์และคุณส้มเปรี้ยว แต่คุณเปปเปอร์เป็นคนช่วยที่รัก จึงไม่น่าจะเป็นคนลงมือ เพราะคงไม่มีใครว่างขนาดที่ลงมือทำร้ายคนอื่น แล้วยังจะไปช่วยคนนั้นอีก เพราะฉะนั้น...”

“งถ้าอย่างนั้นคุณสงสัยฉันเหรอคะ?” ส้มเปรี้ยวกำหมัดแน่น และทำท่าทีราวกับจะร้องไห้

ลาเต้ปรบมือแล้วพูดว่า “ดูเหมือนจะรู้ตัวเองดี ถูกแล้วครับ ผมสงสัยในตัวคุณ ใบบรรดาคนที่อยู่ที่นั่น มีเพียงคุณเท่านั้นที่มีแนวโน้มจะทำร้ายคนรักของผม และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก”

“ฉันไม่ได้ทำ” ส้มเปรี้ยวน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอจับมือของเปปเปอร์แล้วพูดต่อว่า “เปปเปอร์ คุณต้องเชื่อฉันนะคะ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ”

“ผมเชื่อคุณ” เปปเปอร์โอบมือเธอ เพื่อบอกให้เธอสงบสติอารมณ์ลงก่อน

ส้มเปรี้ยวที่ได้ยินว่าเขาเชื่อตัวเอง จึงพยักหน้ารับ แล้วค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง

ลาเต้กลอกตา “คุณเชื่อเธออยู่แล้ว ต่อให้เธอฆ่าคนแล้วเผานั่งยาง บีบน้ำตาอีกนิดหน่อย คุณก็เชื่อเธอแล้ว แล้วเรื่องที่คุณคอยเอาอกเอาใจเธอ ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดี”

ชาหวานและทามทอยพยักหน้า

แม้แต่ปีโป้เองก็ไม่มีเหตุผลโต้แย้ง จึงได้แต่พยักหน้าตาม

พี่ชายมักจะเป็นแบบนี้เสมอ

“ที่ผมเชื่อใจส้มเปรี้ยวไม่ใช่เพราะผมเอาอกเอาใจเธอ แต่เป็นเพราะเธอมีหลักฐานว่าเธอไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ” เปปเปอร์ที่เห็นว่าไม่มีใครยืนอยู่ข้างเขา ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธแต่อย่างใด แต่มองไปทางลาเต้แล้วเสริมว่า “ส้มเปรี้ยวไม่เคยได้สัมผัสม้าของมายมิ้นท์ตั้งแต่แรก รบกวนคุณบอกผมหน่อยครับ ว่าเธอลงมือทำได้อย่างไร?”

ตอนแรก เขาเองก็คิดว่าหรือจะเป็นบุคลิกที่สองของส้มเปรี้ยวจะเป็นคนลงมือ

แต่หลังจากที่เขาวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง และพบว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นบุคลิกที่สองของส้มเปรี้ยวจะเป็นคนทำ เพราะบุคลิกที่สองของส้มเปรี้ยวยังไม่เคยปรากฏมาก่อน

ลาเต้ตะลึงไปชั่วครู่ แต่แล้วก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่า เรื่องราวก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ตอนที่เลือกม้า ส้มเปรี้ยวไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย หากจะลงมือแต่แรกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะในคอกก็มีม้ามากมาย ส้มเปรี้ยวคงไม่มีทางรู้ว่าที่รักจะเลือกขี่ม้าตัวไหน และคงไม่ได้ทำนายล่วงหน้าได้เช่นกัน

นอกจากว่า ก่อนหน้านั้นส้มเปรี้ยวจะลงมือกับม้าทุกตัว ถ้าเป็นเช่นนั้น ม้าก็ต้องคลุ้มคลั่งทุกตัวสิ แต่ว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น พวกเขาทุกคนปลอดภัยดี หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ?

“ทำไมไม่เชิญผู้ดูแลคอกม้ามาสอบถามล่ะ ให้พวกเขาตรวจม้าทีละตัว ก็น่าจะรู้ผลแล้ว” ทามทอยเสนอ

เปปเปอร์พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญมาสิ”

ไม่นานนัก ผู้ดูแลม้าก็เดินเข้ามา

ตาเต้รีบสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับม้าของมายมิ้นท์

คนจากคอกม้าตอบกลับ “ม้าของคุณมายมิ้นท์เป็นสัดครับ”

“อะไรนะ?” ทุกคนตกตะลึงไป

มีเพียงส้มเปรี้ยวที่ก้มหน้าลง เพื่อปิดบังมุมปากที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อย

“เป็นสัดเหรอ?” ลาเต้ทำหน้ามึนงง “แต่นี่ไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์นะ”

ทามทอยและชาหวานหรือแม้แต่ปีโป้ก็มองไปทางผู้ดูแล

ผู้ดูแลพยักหน้า ก่อนพูดว่า “แม้ว่าฤดูผสมพันธุ์จะผ่านไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าสัตว์จะไม่มีอาการเป็นสัด บางครั้งอาจจะเกิดสาเหตุอื่นๆ หรืออาจจะถูกกระตุ้น ทำให้เกิดอาการติดสัดขึ้นได้ครับ”

เปปเปอร์ถามต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าอย่างนั้น เหตุผลที่ม้าของมายมิ้นท์มีอาการแบบนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร?”

ผู้ดูแลครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด มันอาจจะได้กลิ่นหรือกินบางอย่างเข้าไป แม้ว่าเรายังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ แต่ก็คงหนีไม่พ้นสองเหตุผลนี้ครับ”

“กินบางอย่างเข้าไปนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะช่วงที่ออกมาจากคอกม้า มันไม่ได้กินอะไรเสียด้วยซ้ำ” ชาหวานกล่าว

ตอนที่มายมิ้นท์เลือกม้านั้น เธอก็อยู่บริเวณนั้น และเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน

“ดังนั้นคงเกิดจากการดมกลิ่นแปลกๆ เข้าไป?” ลาเต้พูดขณะที่ยกมือขึ้นจับคาง

ทันใดนั้น ทามทอยหัวเราะขึ้น “คงไม่ได้เป็นเพราะกลิ่นน้ำหอมของมายมิ้นท์หรอกนะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว