รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 142

“ก็ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ครับ” ลาเต้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดเหงื่อให้เธออย่างทะนุถนอม

มายมิ้นท์กะพริบตา “ครึ่งชั่วโมง? ฉันคิดว่าพวกคุณมาถึงตั้งนานแล้วเสียอีก”

“เอ่อ......” ลาเต้ยิ้มขึ้นอย่างเชื่องช้า “ที่จริงเราน่าจะขึ้นถึงยอดเขาตั้งนานแล้วครับ เป็นความผิดของเจ้าปีโป้ที่เดินผิดทาง ก็เลย......”

“ทำไม่ว่าเป็นความผิดของผมล่ะ คุณนั่นแหละที่สู้ผมไม่ได้เลยจะเล่นโกงแกล้งชี้ทางผิด” เมื่อปีโป้มาถึง เขาก็ได้ยินลาเต้พูดถึงเขาในทางที่ไม่ดี จึงได้ตอบโต้ด้วยความโกรธ

ลาเต้ส่งเสียงหึๆ ออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “ต่อให้ผมจงใจหลอกชี้ทางผิดจริงๆ แต่คุณก็ยังไป คิดดูเอาแล้วกันว่าโง่ขนาดไหน!”

“คุณ......” ปีโป้กำหมัดแน่นอย่างโกรธเคือง

มายมิ้นท์จับหน้าผากของตัวเอง “พอกันทีพวกคุณสองคน อย่าส่งเสียงดังมากนักได้ไหม ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมนวดให้นะที่รัก จะได้ไม่ปวดหัว” ลาเต้พูดแล้วเดินตรงเข้าไปทางเธอ ก่อนจะลงมือสัมผัสไปที่ขมับเธอ

เมื่อเห็นแบบนี้ ปีโป้ก็พูดเบาๆ ว่า “ประจบจริงๆ”

ลาเต้ได้ยินจึงได้กระซิบตอบกลับเบาๆ ว่า “แต่คนบางคนต่อให้อยากประจบก็ประจบไม่ได้ หึๆ”

มายมิ้นท์เห็นว่าสองคนนี้ยังคงต่อสู้กันเหมือนเด็กๆ ริมฝีปากของเธอก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย “ถ้ายังทะเลาะกันอีกก็พากันไปจากตรงนี้เลยนะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ”

“ไม่ทะเลาะแล้วครับ ไม่ทะเลาะแล้ว พวกเราไม่ส่งเสียงดังแล้วครับที่รัก” ลาเต้สงบลงอย่างรวดเร็ว

ปีโป้ก็พยักหน้า เป็นความหมายว่าจะไม่ทะเลาะกันอีก

ทั้งสองทำตามที่พูดไว้ได้จริงๆ และเงียบเสียงลง

ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ได้อยู่อย่างสงบสักที

แต่ไม่นานหลังจากนั้น ดูเหมือนปีโป้จะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เขามองลงไปที่ทางขึ้นภูเขาและถามว่า “อ้อจริงสิพี่มายมิ้นท์ พี่ใหญ่ของผมอยู่ที่ไหนครับ?”

“เขาอยู่ข้างหลังน่ะ” มายมิ้นท์ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ

ลาเต้เยาะเย้ย “ผู้ชายรูปร่างกำยำยังไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะผู้หญิงสองคนได้ นานขนาดนี้ยังขึ้นมาไม่ถึง ช่างน่าอายจริงๆ!”

“ไร้สาระน่ะ ต้องไม่ใช่เพราะพี่ชายผมแน่ ต้องเป็นส้มเปรี้ยวแน่ๆที่ทำให้พี่ชายผมช้าขนาดนี้” ปีโป้อธิบายด้วยความโกรธแทนเปปเปอร์

มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น

ต้องยอมรับว่าที่จริงเจ้าหมอนี่พูดถูกทีเดียว

การที่เปปเปอร์ยังมาไม่ถึงนั่นก็เป็นเพราะส้มเปรี้ยวคือตัวถ่วง

คำพูดของปีโป้ได้รับการยืนยันในไม่ช้า

ในที่สุดเปปเปอร์ก็มาถึงยอดเขา โดยมีส้มเปรี้ยวอยู่บนหลัง

เขาวางส้มเปรี้ยวลง จากนั้นปีโป้ก็พยุงเขาให้นั่งลงตรงหินข้างๆ เขาหลับตาลงเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้า

เพราะถึงอย่างไรการปีนภูเขาโดยแบกคนหนักสี่ห้าสิบกิโลกรัมไว้บนหลัง มันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากทีเดียว

แม้ว่าเขาจะออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้เขาก็เหนื่อยมากจนนั่งหอบ

ปีโป้ยืนอยู่ข้างเขา พัดเหงื่อและยื่นน้ำให้

“เปปเปอร์ คุณโอเคไหมคะ?” ส้มเปรี้ยวเดินไปถามด้วยความเป็นห่วง

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นกำลังจะตอบ

ปีโป้ก้าวเข้ามาบังไว้แล้วจ้องไปที่ส้มเปรี้ยวอย่างโกรธเคือง “คุณคิดว่าพี่ใหญ่ของผมเป็นอะไรไหม?”

“ฉัน......” ส้มเปรี้ยวตกใจกับความดุร้ายจากดวงตาของเขาจนก้าวถอยหลังไป

ปีโป้พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฉันอะไร? คุณไม่มีขาเหรอครับถึงต้องให้พี่ใหญ่อุ้ม เดินเองไม่เป็นหรือไง?”

เมื่อถูกดุ ดวงตาของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับว่าจะร้องไห้ออกมา

ปีโป้รู้สึกรำคาญมากที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ เขากำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างออกมา

เปปเปอร์เข้ามาขัดจังหวะเขาก่อนว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ผมจะแบกเธอเอง ไม่ได้เกี่ยวกับส้มเปรี้ยวหรอก ถอยไป”

“พี่?” ปีโป้หันกลับมามองเขา ใบหน้าดูไม่พอใจอย่างมาก “ผมพยายามเข้าข้างพี่นะ แต่พี่กลับให้ผมถอยไป?”

“จะไปหรือไม่ไป?” เปปเปอร์หรี่ตามอง

ปากของปีโป้ขยับเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็หันไปจ้องส้มเปรี้ยวอย่างดุดันแล้วเดินจากไป

“เปปเปอร์คะ...…” ในที่สุดส้มเปรี้ยวก็มองเห็นเปปเปอร์

เปปเปอร์ยื่นทิชชูให้เธอ “อย่าร้องไห้ไปเลยครับ”

“ค่ะ” ส้มเปรี้ยวพยักหน้าอย่างน้อยใจ

ขณะนั้น ทั้งสี่คนที่เดินทางออกไปเก็บฟืนก็เดินกลับมา

เมื่อเห็นเปปเปอร์และส้มเปรี้ยว ทามทอยก็วางก้อนหินเล็กสองสามก้อนในมือลงแล้วยิ้มอย่างสนุกสนาน “โอ้เปปเปอร์ ในที่สุดคุณก็มาสักที กว่าจะถึงไม่ง่ายเลยนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว