“เธอบอกว่าเป็นฉันงั้นเหรอ?” มายมิ้นท์ยิ้ม “งั้นเธอก็ลองพูดมาสิ ว่าฉันให้เธอแต่งตัวแบบนี้ได้อย่างไร? หรือว่าฉันวิ่งเข้าไปในบ้านของเธอเพื่อให้เธอสวมชุดนี้ล่ะ?”
“เธอไม่ได้อยู่ในบ้านของฉันหรอก แต่อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าต่างหาก!” ส้มเปรี้ยวบีบฝ่ามือแน่นจนสุดชีวิตและพูดขึ้นมา
รัศมีของมุมปากมายมิ้นท์โค้งสูงมากขึ้น “อ้าว? ในร้านขายเสื้อผ้างั้นหรอ? ฉันจำได้ว่าตอนที่อยู่ในร้านขายเสื้อผ้า ฉันก็ไม่ได้ให้เธอใส่แบบนี้นี่นา”
“ก็เธอกับชาหวานคนนั้นนั่นแหล่ะ ที่บอกว่าชุดเหล่านั้นจะดูดีมากถ้าใส่กับขนสัตว์และกระเป๋าหนังจระเข้ ดังนั้นฉันก็เลย......”
“เหอะ!” มายมิ้นท์เอามือปิดท้องในขณะที่หัวเราะออกมา
ลาเต้ ทามทอยและราเม็งก็หัวเราะเช่นกัน
แม้แต่คุณหญิงนิภาก็ส่ายหน้าอย่างยั่วเย้าและเหน็บแนม
มีเพียงเปปเปอร์ เยี่ยมบุญและขนมผิงสามคนเท่านั้นที่ไม่ได้หัวเราะ
เปปเปอร์นวดครึงหว่างคิ้วไปมาด้วยความอ่อนเพลีย
ขนมผิงก้มศีรษะลงต่ำมาก
ส่วนเยี่ยมบุญก็แทบอยากจะหาอุโมงค์ใต้ดินสักอุโมงค์มุดเข้าไป
ทำไมเขาถึงได้มีลูกสาวที่โง่เขาได้ถึงขนาดนี้นะ!
"พวกคุณหัวเราะอะไรกัน!" ส้มเปรี้ยวใช้เล็บกดไปที่ฝ่ามือ ถลึงตาจ้องมองมายมิ้นท์และคนอื่นๆอีกสองสามคนด้วยความโกรธ
ลาเต้นวดใบหน้าที่รู้สึกเมื่อยของเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกครับ เราก็แค่หัวเราะเพราะไม่เคยเห็นใครโง่ขนาดนี้แบบคุณเลย มายมิ้นท์บอกว่าใส่เข้าด้วยกันแบบนั้นจะดูดี คุณก็เลยใส่ นี่คุณไม่มีสมองหรือเปล่าเนี่ย?”
“ถ้าเธอมีสมอง พวกเราก็คงไม่เห็นเธอแต่งตัวอย่างนี้ตอนนี้น่ะสิครับ” ราเม็งพูดอย่างอ่อนโยน แต่ภายในสายตากลับเย็นชาเป็นอย่างมาก
“พวกคุณ พวกคุณ......” ร่างกายของส้มเปรี้ยวสั่นอย่างรุนแรง
เปปเปอร์กระชับมือที่วางบนไหล่ของเธอขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พอแล้วส้มเปรี้ยว อย่าสร้างปัญหา”
“เปปเปอร์......พวกเขาทุกคนต่างก็ว่าฉันแบบนี้แล้ว คุณไม่ช่วยฉัน แถมยังพดว่าฉันสร้างปัญญาด้วยเหรอ?” ส้มเปรี้ยวเบิกตาโพลงโตจ้องมองเขาด้วยความคับแค้นใจ
เยี่ยมบุญก็ไม่พอใจเขามากเช่นกัน
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆไปมา กำลังจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
มายมิ้นท์ดีดเล็บมือไปมา ทันใดนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “คุณส้มเปรี้ยวฉันเคยคุยกับชาหวาน ที่ร้านเสื้อผ้าว่าชุดเหล่านั้นจะดูดีมากเมื่อใส่คู่กับเสื้อกั๊กขนสัตว์และกระเป๋าหนังจระเข้จริงๆ แต่ฉันไม่ได้แนะนำให้คุณใส่นี่นา ฉันกับคุณเป็นศัตรูกัน ฉันจะไปให้คำแนะนำคุณได้ยังไง ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะไม่เพียงแต่มาแอบฟังพวกเราคุยกันเท่านั้น ยังใส่มันจริงๆ แถมยังใส่มางานเลี้ยงแบบนี้อีกด้วย”
“เธอพูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยๆหน่อย ตอนนั้นเธอคุยกับชาหวานเสียงดังมากขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะพูดให้ฉันได้ยิน จะเรียกว่าฉันแอบฟังได้ยังไง พวกเธอวางกับดักฉัน แล้วให้ฉันเดินเข้าไปชัดๆ” ส้มเปรี้ยวตวาดจนตากำลังจะแตกร้าวด้วยความโกรธ
ทามทอยกลอกตามองบน แล้วพูดว่า “มีหลักฐานไหม? สิ่งที่คุณพูดมันไม่มีหลักฐานเลยนะ ตัวเองไม่มีสมองเอง โง่ไปแล้วหรือไง คนอื่นพูดอะไรคุณก็ทำอย่างนั้น ผลสุดท้าย มันก็ย้อนกลับมาเล่นงานคุณเอง”
“แก......”
“พอได้แล้ว!” คุณหญิงนิภาขมวดคิ้ว แล้วพูดขัดจังหวะคำพูดที่ส้มเปรี้ยวอยากจะพูดออกมาด้วยความรำคาญเป็นอย่างมาก “ที่นี่เป็นที่ของฉัน ถ้าอยากจะทำตัวกำเริบเสิบสานก็กลับบ้านของเธอไปซะ เอาล่ะ เชิญคุณส้มเปรี้ยวกับคุณเยี่ยมบุญออกไป งานเลี้ยงของฉัน ไม่ต้อนรับพวกเขา”
“ครับ” บริกรสองสามคนที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่พยักหน้าลง แล้วทำท่าทางเชิญเยี่ยมบุญและส้มเปรี้ยว
แม้ว่าเยี่ยมบุญจะโกรธ แต่เขาเสียหน้าไปแล้ว และไม่อยากอยากอยู่ที่นี่ด้วย จึงพูดโดยฝืนตีสีหน้ายิ้มออกมาหนึ่งประโยคว่า “งั้นผมก็ไม่รบกวนคุณหญิงนิภาแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับส้มเปรี้ยว ไป”
“พ่อ!” ส้มเปรี้ยวยังไม่เต็มใจอยู่บ้างเล็กน้อย
เยี่ยมบุญคว้าแขนของเธอและดึงเธอออกจากอ้อมแขนของเปปเปอร์ หลังจากที่เขาจ้องมองเปปเปอร์แล้ว ก็บังคับเธอให้ออกไปจากที่นี่
ถ้ายังไม่ไปอีก มีแต่จะทำให้อับอายขายหน้ามากยิ่งขึ้น
“อ้าวเฮ้ย นี่จะไปแล้วเหรอ ยังไม่ทันขอโทษมายมิ้นท์เลยนะ” ลาเต้เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก
มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ “ฉันไม่สนใจคำขอโทษของพวกเขาหรอก อีกอย่าง คืนนี้พวกเขาก็ถือว่าได้อับอายขายหน้าแล้ว เชื่อว่าพรุ่งนี้ก็ยังจะได้เห็นเรื่องตลกของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ”
“ก็จริงนะ” ลาเต้ยิ้มอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น
เปปเปอร์กวาดตามองไปที่เขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เธอเป็นลูกสาวของตระกูลมหาเอกรัตนาใช่ไหม?” ในเวลานั้นเอง ทันใดนั้นคุณหญิงนิภาก็หันไปมองขนมผิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...