ที่แท้ยังหาตัวชวนชมไม่เจอ ดีจริงๆ
แต่ว่าการที่ยังหาตัวเธอไม่เจอ กลับเตรียมห้องเอาไว้อย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณแม่รอคอยชวนชมมากขนาดไหน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วันไหนที่ชวนชมกลับมา แม่คงจะหันไปรักแล้วใส่ใจแต่ชวนชมแน่ๆ
มือทั้งสองข้างที่วางไว้ตรงเข่าของส้มเปรี้ยวกุมแน่น เธอก้มลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ใครมองออกถึงท่าทางเธอตอนนี้
ผ่านไปสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้น ทำท่าทางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า “แม่คะ หนูสมมุตินะคะ สมมุติว่าพี่เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวยากจน นิสัยของเธอขี้ขลาดขี้กลัว ทำอะไรก็ไม่เป็น ถ้าออกไปในสังคมคงทำให้คุณแม่ต้องอับอายขายหน้า คุณแม่ยังจะรอคอยเธอแบบนี้ไหม?”
“ส้มเปรี้ยว ทำไมถึงถามคำถามแบบนี้ล่ะ?” สีหน้าอันอ่อนโยนของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ดูลดลงไปเล็กน้อย เธอมองไปทางส้มเปรี้ยวอย่างประหลาดใจ
ส้มเปรี้ยวยื่นแขนเข้าไปโอบแขนแม่ของเธอ “หนูก็แค่สงสัยนี่คะ ในละครโทรทัศน์ก็เห็นอยู่บ่อยๆ บรรดาลูกเศรษฐีที่พัดพรากจากกันไปตั้งแต่เล็กๆ เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งกับพ่อแม่แท้ๆ ก็ไม่ค่อยจะชอบเธอ เพราะว่าทำอะไรก็ไม่เป็น ทำแต่เรื่องอับอายขายหน้า หนูก็เลยกังวลว่าพ่อแม่จะทำแบบนั้นกับพี่หรือเปล่า”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลบล้างความสงสัยในใจเมื่อครู่ไป ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะของส้มเปรี้ยวเบาๆ แล้วตอบว่า “ละครก็คือละคร ไม่เหมือนกับชีวิตจริงหรอกนะ”
“หมายความว่าแม่จะไม่ทำแบบนั้นกับพี่ใช่ไหมค่ะ?” ส้มเปรี้ยวหรี่ตาลง แววตาของเธอแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้า “แม่จะไม่ทำแน่นอน พี่สาวของเราแม่ตั้งท้องมาตั้งสิบเดือน และเป็นลูกคนที่พอตั้งตารอคอยมาก ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อนะ......เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า เอาเป็นว่าลูกวางใจเถอะนะ ทั้งพ่อและแม่จะไม่ทำอะไรพี่สาวเราอย่างแน่นอน ต่อให้พี่ของเราเป็นแบบที่พูดมา พ่อกับแม่ก็คงจะยิ่งรักเธอมากกว่าเดิม และชดใช้ให้กับเธอ จะไปรังเกียจเหยียดหยามเธอได้ยังไง”
“ดีจังเลยค่ะ” ส้มเปรี้ยวยิ้มขึ้นทำท่าทางเหมือนดีอกดีใจ
แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่า ในใจบัดนี้สัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างยิ่ง
เธอตั้งใจ ที่จะสร้างเรื่องของชวนชมขึ้นมา เพื่อต้องการจะรู้ว่าแม่มีท่าทีอย่างไรต่อชวนชม คิดไม่ถึงว่าต่อให้เป็นแบบนั้น แต่แม่ก็ยังรอคอยจะให้เธอกลับมา อีกทั้งยังพูดอย่างมั่นใจว่าพ่อกับแม่จะชดเชยให้หล่อนอย่างแน่นอน
เป็นจริงดั่งที่คิดเอาไว้ นอกจากมายมิ้นท์แล้ว ชวนชมเป็นตัวสกัดกั้นในชีวิตของเธอคนที่สอง!
แสงแห่งความมืดมนทำลายทุกสิ่งอย่างในดวงตาของส้มเปรี้ยว มันเผยความรู้สึกนั้นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
......
ณ คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์
คนขับรถพยุงเปปเปอร์ลงจากรถ
ท่านย่าได้ยินเสียงรถดังขึ้นจากด้านนอก จึงได้เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
เนื่องจากเป็นกังวลหลานชาย หลายวันมานี้เธอไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตนเอง แต่พักอาศัยอยู่ที่นี่
“เปปเปอร์ ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้?” ท่านย่าเดินเข้ามาถาม
เปปเปอร์รับไม้ค้ำที่คนขับรถส่งมาให้ก่อนจะตอบว่า “พอดีรถติดครับคุณย่า เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะครับ”
เขาไม่ได้ตั้งใจจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอาหารบอกเล่าให้แก่หญิงชราฟัง ไม่อย่างนั้นคงจะทำให้เธอต้องตกอกตกใจ
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในก็ได้” ท่านย่าพยักหน้า
เธอกับหลานชายอายุห่างกันหลายชั่วรุ่น แต่บัดนี้เขากลับต้องใช้ไม้ค้ำพยุง
ภาพที่ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน มองไปแล้วช่างน่าขำเหลือเกิน
“อ้าวเปปเปอร์ กลับมาแล้วเหรอ” พิศมัยเดินถือถาดผลไม้ออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นสองย่าหลานเดินตรงเข้ามาพร้อมกันก็ได้เอ่ยปากทักทาย
เปปเปอร์พยักหน้า “ครับแม่”
“นั่งลงก่อนสิ” พิศมัยวางถาดผลไม้ลงแล้วเข้าไปพยุงเขา
แต่กลับถูกเปปเปอร์ปฏิเสธว่า “ผมเดินเองได้ครับ”
ตอนนี้ขาของเขาเพียงแค่ไม่สะดวกที่จะเดิน ไม่ได้เป็นอัมพาตสักหน่อย
เปปเปอร์วางไม้ค้ำไว้ด้านข้างแล้วพยุงตัวเองไปที่โซฟานั่งลง
พิศมัยวางถาดผลไม้ตรงหน้าเขาแล้วหัวเราะเอ่ยถามว่า “เปปเปอร์ ลูกคืนดีกับส้มเปรี้ยวแล้วเหรอ?”
คืนดีเหรอ?
เปปเปอร์ก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไร
เขาจะไปคืนดีกับส้มเปรี้ยวได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงความคิดความรู้สึกของตนเองที่ต้องถูกพลังอันลึกลับบังคับเพราะเธอ เขาก็อยากจะฆ่าเธอไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
ถ้าหากว่าส้มเปรี้ยวคือต้นไผ่ เช่นนั้นก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ว่าจะถูกบังคับหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาทำให้เธอทุกอย่างเขาก็ยอมรับมันเพราะว่าเขานั้นรักต้นไผ่
แต่ถ้าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่ละ? แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้ เปปเปอร์ก็หยิบไม้ค้ำขึ้นมาพูดว่า “คุณย่าครับ คุณแม่ครับ ผมรู้สึกเหนื่อยจังเลย ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...