“ผมเข้าใจแล้ว” เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย
สองมือของการันต์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของชุดผ่าตัดสีเขียว ก้าวขาเดินไป
พอเขาไปได้ไม่นาน ก็มีพยาบาลประคองมายมิ้นท์ออกมา
การทำแท้งไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ดังนั้นมายมิ้นท์สามารถเดินได้เอง ไม่ต้องนอนบนเตียงเข็นออกมา
แต่เพราะความเจ็บปวดที่ท้อง และความรู้สึกไม่สบายที่ช่วงล่าง เธอจึงเดินอย่างยากลำบากและช้ามาก แทบจะต้องเดินทีละก้าว
และทุกครั้งที่ก้าวเดิน ก็จะรู้สึกเจ็บที่ช่วงท้อง ทำให้ไม่นานใบหน้าเธอก็ขาวซีด เหงื่อเย็นๆผุดเต็มหน้าผาก
เปปเปอร์เห็นอย่างนั้น ก็เจ็บปวดใจ รีบเดินไปทันที “ผมเองครับ”
เขายื่นมือไป อยากจะไปรับไม้ต่อจากพยาบาล
พยาบาลคิดว่าเขาเป็นญาติ จึงไม่ปฏิเสธ ปล่อยมือที่อยู่บนแขนมายมิ้นท์หลบไปข้างๆ
ยังไม่ทันที่เปปเปอร์จะประคอง มายมิ้นท์ก็หลบเลี่ยงเขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้!”
เธอพิงผนัง กัดฟันเดินไปข้างหน้า
ความดื้อรั้นแบบนี้ของเธอ ทำให้เปปเปอร์ทั้งเจ็บปวดใจทั้งโมโห ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง “ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ต่อให้ไม่อยากเห็น ก็อย่าเอาร่างกายตัวเองมาต่อต้านกับผม!”
พูดจบ เขาก็โน้มตัวไปอุ้มเธอขึ้นมาทันที
มายมิ้นท์โอบรอบคอเขาตามสัญชาตญาณ รอจนตั้งสติกลับมาได้ ก็รีบปล่อยมือ “ปล่อยฉัน!”
เปปเปอร์ทำหูทวนลม เดินไปทางห้องพักผู้ป่วยใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเย็นชา
มายมิ้นท์เห็นเขาไม่ยอมวาง มือสองข้างก็ทุบที่หน้าอกของเขา “เปปเปอร์ ฉันบอกให้คุณปล่อยฉัน คุณไม่ได้ยินเหรอ”
“อย่าขยับ!” เปปเปอร์อุ้มเธอเอาไว้แน่น ก้มหน้ามองเธอ แววตาลึกล้ำ “คุณเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งขยับจะดีกว่า ตกลงไปคนที่เจ็บก็คือตัวคุณเอง ไม่ใช่ผม ดังนั้นทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”
ได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็เงียบลงทันที
ใช่สิ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย
เขาเต็มใจเป็นเครื่องมือในการเดิน ก็ให้เขาเป็นไปสิ
คิดได้แบบนี้ มายมิ้นท์ก็ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเชื่อฟังไม่ขยับ แค่ตัวแข็งเกร็งเป็นอย่างมากเท่านั้น
นัยน์ตาเปปเปอร์พร่ามัว
ใครๆต่างก็บอกว่ายามที่คนเราอ่อนแอ ก็อยากจะหาที่พึ่งมากที่สุด
แต่เธออยู่ในอ้อมกอดเขายังเกร็งขนาดนี้ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เธอไม่ได้เห็นเขาเป็นที่พึ่งเลย
ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอไม่ผ่อนคลายลงมาบ้าง
นิ่งเงียบไปตลอดทาง
กลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย เปปเปอร์เอามายมิ้นท์วางลงบนเตียง ห่มผ้า ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หิวแล้วหรือยัง”
มายมิ้นท์เตรียมจะส่ายหน้า ผลปรากฏว่าท้องก็ส่งเสียงร้องจ๊อกๆขึ้นมา
เปปเปอร์ได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ “พักผ่อนเถอะ ผมจะออกไปซื้อให้คุณ”
เขารินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ววางไว้ที่หัวเตียง หมุนตัวเดินออกไป
ภายในห้องพักผู้ป่วยนิ่งเงียบลง
มายมิ้นท์ยื่นมือไปคลำที่ท้อง สัมผัสที่นูนในตอนแรกไม่มีอยู่แล้ว ท้องน้อยเปลี่ยนเป็นแบนราบ ราวกับว่าการตั้งครรภ์เป็นเพียงแค่ภาพในจินตนาการของเธอ
แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ อาการปวดเล็กๆในท้องน้อย เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเธอได้เคยตั้งครรภ์ชีวิตหนึ่งมาแล้ว
แค่ชีวิตนั้น ตอนนี้หายสาบสูญไปแล้ว
มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก จู่ๆก็ร้องไห้ออกมาเบาๆ
ไม่รู้ว่าร้องไห้ด้วยความดีใจ หรือว่าร้องด้วยความเสียใจ……
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์รีบเช็ดน้ำตา สูดหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง ทำจิตใจให้สงบลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือ หลังจากเหลือบมองแวบหนึ่งแล้ว ก็รับสาย “ฮัลโหล”
“ที่รัก คุณอยู่ที่ไหน” ปลายสายนั้น ลาเต้ยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของมายมิ้นท์ ถามอย่างร้อนใจว่า “ซินดี้บอกว่าวันนี้คุณไม่ได้มาทำงาน ผมไปที่คอนโดก็หาคุณไม่เจอ ตกลงว่าคุณหายไปไหนกันแน่
“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล” มายมิ้นท์พิงหัวเตียง ตอบด้วยความเหนื่อยล้าอ่อนแรง
ลาเต้ฟังออกถึงความอ่อนแอของเธอ ก็ยิ่งร้อนใจ สองมือจับโทรศัพท์ เสียงสูงขึ้นมา “โรงพยาบาลเหรอ ที่รักคุณเป็นอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...