มายมิ้นท์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพอรู้สึกตัวขึ้นมาว่าคนที่จับมือตัวเองอยู่ ไม่ใช่ลาเต้ แต่เป็นเปปเปอร์ ก็รีบชักมือ อยากจะชักมือออกมา
เปปเปอร์รีบจับมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
มายมิ้นท์ยื้อไม่หลุด สีหน้าก็ร้อนใจจนแดงขึ้นมา แล้วพูดอย่างโกรธเคืองขึ้นว่า “เปปเปอร์ นี่คุณจะทำอะไรน่ะ!”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่อยากให้คุณขยับไปเรื่อยเท่านั้น” เปปเปอร์ตอบกลับด้วยดวงตาเป็นประกาย “คุณอยู่เงียบ ๆ หน่อยผมก็จะปล่อยตัวคุณ อย่าขยับไปเรื่อย เดี๋ยวจะเวียนหัวนะ”
มายมิ้นท์โกรธจนขำเลย
ที่จับมือเธอไว้ เพราะไม่อยากให้เธอขยับไปเรื่อง นี่ยังถือว่าเป็นเหตุผลอีกเหรอ
ถ้าเขาไม่แตะต้องเธอ เธอก็ไม่ขยับไปเรื่อยหรอกนะ?
แต่ว่ามายมิ้นท์เองก็รู้ ว่าตัวเองพูดเรื่องพวกนี้กับคนหน้าด้านอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก
สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง มายมิ้นท์ก็ข่มความไม่พอใจลง และไม่ขยับแล้ว “เอาล่ะ ตอนนี้คุณควรทำตามคำพูดของคุณแล้ว ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”
เปปเปอร์เม้มเรียวปากเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยตัวเธอออก
พอมือของมายมิ้นท์ได้รับความเป็นอิสระ ก็รีบชักมือกลับมา แล้วซุกเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณมาอยู่ที่นี่ แล้วเต้กับไมโลละคะ?”
“ตอนนี้ดึกแล้ว ลาเต้กลับไปแล้ว ส่วนไมโลก็นอนหลับอยู่ในห้องด้านใน แล้วผมก็อยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่” เปปเปอร์นั่งลงไปใหม่อีกครั้ง
มายมิ้นท์เบ้ปากเล็กน้อย “ใครต้องการคุณมาอยู่เป็นเพื่อนคะ”
“ไม่มีใครให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน ผมเป็นคนยินยอมเอง อ๋อ ใช่แล้ว มีข่าวดีอยู่สองเรื่อง คุณอยากฟังไหม?” เปปเปอร์เปลี่ยนหัวข้อเรื่องไป
เขารู้ ถ้าเกิดยังพูดเรื่องอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่อยู่เป็นเพื่อนกับเธอต่อไป
สุดท้าย เขาจะต้องโดนเธอไล่ออกไปแน่
ผลปรากฏว่า พอเปปเปอร์เปลี่ยนหัวข้อเรื่องไป ความสนใจของมายมิ้นท์ก็โดนดึงดูดไป แล้วถามขึ้นว่า “ข่าวดีเรื่องอะไรคะ?”
“ข่าวแรก เป็นเรื่องตำแหน่งประธานบริษัทของเยี่ยมบุญ โดนถอดถอนไปแล้ว” เปปเปอร์เองก็ไม่อ้อมค้อม จ้องมองเธอแล้วก็ตอบไปเลย
มายมิ้นท์แปลกใจ “โดนถอดถอนแล้วเหรอคะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”
พอเห็นเธอมีความสนใจมากเช่นนี้ เปปเปอร์ก็คลี่มุมปากออกเล็กน้อย “เพราะว่าก่อนหน้านี้ส้มเปรี้ยวโดนคุณส่งตัวเข้าไปในคุก ก็เลยทำให้เอสซีกรุ๊ปเกือบจะล้มละลายไปด้วย แล้วเยี่ยมบุญเป็นพ่อของส้มเปรี้ยว แน่นอนว่าจะต้องทำให้พวกหุ้นส่วนของเอสซีกรุ๊ปไม่พอใจ แล้วครั้งนี้ส้มเปรี้ยวก็ทำให้เอสซีกรุ๊ปซวยไปด้วย พวกหุ้นส่วนของเอสซีกรุ๊ปก็เลยร่วมมือกันเรียกประชุมขณะกรรมการบริษัทขึ้นมา แล้วก็ถอดถอนตำแหน่งประธานบริษัทของเยี่ยมบุญไป ต่อไปเยี่ยมบุญก็จะเป็นแค่หุ้นส่วนใหญ่ที่อยู่ว่าง ๆ ของเอสซีกรุ๊ปเท่านั้น”
ถึงแม้ว่าเอสซีกรุ๊ปยังเป็นของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แต่ว่าอำนาจในการพูดจะไม่อยู่กับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว
เรื่องนี้สำหรับคนที่หยิ่งยโสอย่างเยี่ยมบุญนั้น ถือได้ว่าเป็นความทรมานที่ใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง เพราะว่าทั้ง ๆ ที่เป็นของของตัวเอง แต่ตัวเองกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร ได้แต่ทนดูคนอื่นเอาไปใช้หน้าตาเฉย จะไปสบายใจได้ยังไง?
“นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เหรอคะ?” มายมิ้นท์ถามขึ้น
เปปเปอร์ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้เอง”
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นมา “สมน้ำหน้า ส้มเปรี้ยวทำให้เยี่ยมบุญซวยขนาดนี้ คิดว่าเยี่ยมบุญเอง ก็น่าจะเกลียดส้มเปรี้ยวมากเลยล่ะมั้ง?”
สองคนนี้ เคยเป็นพ่อที่รักลูกมากและลูกที่กตัญญูมากมาก่อน
แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกันไปแล้ว ช่างน่าเยาะเย้ยจริง ๆ
“ใช่แล้ว ข่าวดีเรื่องที่สองเป็นเรื่องอะไรคะ?” มายมิ้นท์ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง
นอนมานานขนาดนี้ เอวของเธออ่อนแรงไปหมดแล้ว จำเป็นที่จะต้องนั่งสักพัก ผ่อนคลายสักหน่อย
แต่พอเพิ่งลุกขึ้นมานั่งได้ ความวิงเวียนระลอกใหญ่ก็จู่โจมเข้ามา มายมิ้นท์พึมพำอย่างรู้สึกไม่สบายมากขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วร่างกายก็โอนเอียงล้มไปทางด้านข้างเตียงผู้ป่วย
พอเปปเปอร์เห็นเป็นเช่นนั้น ก็รีบเดินหน้าเข้าไปก้าวหนึ่ง ใช้ร่างกายมาเป็นรามกั้น มากั้นเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอตกลงไปจากเตียงผู้ป่วย
“ไม่เป็นไรนะ?” มือของเปปเปอร์วางอยู่บนไหล่เธอ ก้มหน้าไปมองดูเธอ ในดวงตาไม่ได้ปิดบังความตื่นเต้นและห่วงใยเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่เวียนหัวเท่านั้น” มายมิ้นท์พิงอยู่บนหน้าท้องของเปปเปอร์ แล้วหายใจอย่างรวดเร็วไป ดวงตาก็ค่อย ๆ หลับตาลง กำลังพยายามปรับให้คุ้นชินกับความวิงเวียนในสมอง
เปปเปอร์เห็นเธอไม่สบายแบบนี้ ก็ยกมือขึ้นมาวางตรงขมับเธอ แล้วก็ค่อย ๆ กดนวดขึ้นมา
มายมิ้นท์อยากจะผลักเขาออก แต่ว่าเธอเวียนหัวจนไม่มีแรงจริง ๆ จึงได้แต่ปล่อยเขาทำไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...