รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 52

ปีโป้ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลในการเลี้ยงข้าวมายมิ้นท์ ส่วนทามทอยก็รับประทานอาหารเย็นแล้ว หลังจากที่กลับไปถึงตระกูลนวบดินทร์ เขาก็เดินไปโต้ลมไปตลอดทาง

เขาได้ลงชื่อในสัญญาทดลองฝึกแล้ว อีกทั้งทามทอยกับมายมิ้นท์ต่างก็ปิดบังให้เขาก่อน รอให้ผ่านการทดลองฝึกไปแล้ว และได้เข้าสู่ทีมบาสเก็ตบอลแห่งชาติอย่างเป็นทางการ ถึงเวลานั้นเปปเปอร์จะมาคิดบัญชีกับเขาในภายหลังเขาก็ไม่กลัวแล้ว

ในขณะที่ปีโป้กำลังฮัมเพลงอยู่ เขาก็เปลี่ยนรองเท้าที่โถงทางเข้า

เมื่อเขามาถึงห้องนั่งเล่น เขาก็เห็นเปปเปอร์ที่กำลังสวมชุดลำลองและสูบบุหรี่ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายอยู่บนโซฟาโดยไม่ทันตั้งตัว

“พี่ พี่ครับ” ปีโป้ตกใจจนสะดุ้งโหยง จึงพูดติดอ่างไปหมดแล้ว “ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง? พี่ส้มเปรี้ยวยังอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ทำไมพี่ไม่ไปเยี่ยมเธอล่ะ?”

เปปเปอร์ชายตามองเขาปราดเดียว แล้วพูดว่า “กินข้าวหรือยัง?”

“กินแล้วครับ”

“มานี่” เปปเปอร์เคาะบุหรี่ที่ขอบที่เขี่ยบุหรี่ไปมาด้วยปลายนิ้ว แล้วพูดว่า “เรามาคุยกันหน่อย”

หนังศีรษะของปีโป้ก็ชาขึ้นมาในทันที

เขาเดินเข้าไป หรือว่าส้มเปรี้ยวจะบอกเรื่องที่เขาอยากเข้าร่วมการทดลองฝึกกับพี่ชายของเขาแล้ว?

ปีโป้กอดกระเป๋านักเรียน แล้วเดินเข้าไปอย่างสั่นเทา และนั่งลงบนโซฟาข้างๆเปปเปอร์ ร่างกายของเขาตึงไปทั้งตัว “พี่ครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง......”

เขาต้องการที่จะสารภาพความผิดของเขาก่อน อย่างมากก็แค่โดนลงโทษให้คุกเข่าเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อที่จะไม่ให้เปปเปอร์ตรวจสอบอะไรได้ แล้วไปเล่นงานมายมิ้นท์

“นายอยากเล่นบาสเก็ตบอล ก็ไปเล่นสิ”

ผลลัพธ์ก็คือเขาเพิ่งจะพูดเพียงไม่กี่คำ คำพูดนั้นก็ถูกเปปเปอร์พูดขัดจังหวะไปเสียแล้ว

เขาจ้องมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความงุนงง และสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้วหรือเปล่า “พี่ พี่ให้ผม...เล่นบาสเก็ตบอลได้เหรอ?”

“อืม เล่นไปเถอะ” เปปเปอร์พูดอย่างเฉื่อยเนือย “นายชอบทำอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันไม่ขัดขวางหรอก เล่นบาสเก็ตบอลก็เหมือนกัน ฉันพูดกับแม่ให้แล้ว”

ตอนที่เขากลับมาในตอนเย็น เขาได้เปิดดูคลิปวิดีโอสั้นๆสองคลิปนั้นที่ทามทอยส่งมาให้แล้ว เพราะคำพูดเหล่านั้นของมายมิ้นท์ จึงทำให้เขาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานมาก

แล้วในที่สุดเขาก็คิดได้ในเวลาต่อมา

ตอนที่เขาเรียนหนังสืออยู่ก็ได้มีส่วนร่วมในธุรกิจของครอบครัวแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเขามีพรสวรรค์ และก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายอีกด้วย แต่ปีโป้เกลียดเรื่องการเงินมาก เขาก็เลยไม่ยอมเข้าไปช่วยงานในบริษัทตระกูลนวบดินทร์

เมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งจะโทรศัพท์ไปหาโค้ชที่โรงเรียนคนนั้นในวันนี้แล้ว จากคำพูดนั้นเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรักของโค้ชที่มีต่อปีโป้และเขาได้ชื่นชมยกย่องว่าปีโป้มีพรสวรรค์อยู่ตลอดเวลา เขาพูดว่าหากต้นกล้าต้นนี้ได้รับการบ่มเพาะเป็นอย่างดีก็จะสามารถเฉิดฉายในวงการกีฬาได้อย่างแน่นอน

ในเมื่อปีโป้ไม่ยินยอมที่จะรับช่วงกิจการในครอบครัว เขาก็ไม่ควรบังคับฝืนใจ เพื่อที่ปีโป้จะได้ไม่เกลียดเขาในอนาคต

และก็ไม่อยากสกัดกั้นพรสวรรค์ในการเล่นบาสเก็ตบอลของปีโป้ด้วย

“จริงๆเหรอ?” ดวงตาของปีโป้เป็นประกาย และตื่นตระหนกตกใจจนไม่อยากเชื่อ “พี่สุดยอดไปเลย! พี่เป็นพี่ชายที่มีความคิดก้าวหน้ามากที่สุดในโลก! พี่วางใจเถอะ ผมจะไม่ทำให้พี่เสียหน้าหรอก ผมจะเข้าทีมชาติให้ได้ และเอาถ้วยรางวัลกลับมาเยอะๆอย่างแน่นอน!”

เปปเปอร์พูดว่า “นายเป็นคนเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง งั้นก็ต้องเดินไปให้ดีจนสุดทาง อย่าทำให้ตัวเองและตระกูลนวบดินทร์ต้องอับอายนะ”

“เข้าใจแล้วครับ!” ปีโป้พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วยื่นน้ำและผลไม้ให้พี่ชายของตัวเอง “พี่ วันนี้พี่มีโครงการอะไรดีๆแล้วใช่ไหม? ผมรู้สึกว่าวันนี้พี่อ่อนโยนเป็นพิเศษ แถมยังเข้าใจและมีเหตุมีผลอีกต่างหาก!”

“แล้วก่อนหน้านี้ในใจของนายคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเหรอ?” เปปเปอร์มองเขาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “เป็นพวกผีห่าซาตานงั้นเหรอ?”

ปีโป้เกาศีรษะไปมา แล้วพูดเบาๆว่า “มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ก่อนหน้านี้ผมมักจะรู้สึกว่าผมเหมือนเป็นพนักงานของพี่ ที่ต้องทำงานภายใต้การนำของพี่ พี่พูดมาหนึ่งคำผมก็ตัวสั้นไปหมดแล้ว”

เปปเปอร์อดหัวเราะไม่ได้ จึงพูดหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งว่า “เพราะว่าวันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งสอนบทเรียนหนึ่งให้ฉัน”

ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ เขานึกว่าเขารู้ไปหมดทุกอย่างแล้ว แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดเหล่านั้นที่มายมิ้นท์พูด เขาจึงพบว่าเขาไม่เคยสนใจว่าปีโป้ ต้องการอะไรเลย

ต่อหน้าปีโป้เขาเป็นเหมือนผู้นำคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีท่าทีของพี่ชายเลย และความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพวกเขาก็เบาบางมาก

“ว้าว ผู้หญิงคนไหนนะที่กำเริบเสิบสาน กล้ามาสั่งสอนพี่ถึงขนาดนี้?” ปีโป้ถามด้วยความประหลาดใจ “อดีตหัวหน้าฝ่ายวิชาการของพี่หรือเปล่า?”

เปปเปอร์ไม่ได้ตอบอะไรเลย หากแต่ถามเขาไปโดยไม่ได้คิดอะไรว่า “เย็นวันนี้นายกับมายมิ้นท์ไปกินอะไรกันมาเหรอ?”

“กินหม้อไฟเนื้อวัวครับ อร่อยสุดๆไปเลย ผมกินเนื้อสไลด์คนเดียวตั้งสี่จาน......” ปีโป้ชมอาหารเย็นในค่ำคืนนี้ไม่ขาดปาก ในขณะที่เขากำลังพูดปาวๆอยู่นั้น เขาก็รู้สึกอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบเบรกอย่างกะทันหัน

“นั่นอะไรน่ะ ผมยังไม่ได้เขียนกระดาษข้อสอบเลย... พี่ ผมขอขึ้นไปข้างบนก่อนนะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว