ฝ่ายหญิงกัดปาก ไม่คิดต่อแล้ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลันเอาไว้ พยายามฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง
“คุณหมอคะ คือว่า......ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความปลอดภัยของคุณผู้ชายคนนั้นที่อยู่ด้านในเหรอคะ เราคุยกันเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ของคุณผู้ชายคนนั้นดีกว่าค่ะ ส่วนใบหน้าเดิมของฉัน......”
ในแววตาของฝ่ายหญิงปรากฏเงามืดออกมาเล็กน้อย แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว “หลังจากที่คุณผู้ชายด้านในคนนั้นหายดี ฉันก็จะไม่ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพวกคุณอีกแล้ว ดังนั้นใบหน้าเดิมของฉันจะเป็นยังไง สำหรับพวกคุณแล้ว มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรนี่คะ”
“ใช่คุณหมอการันต์ สำหรับคุณแล้วผู้หญิงคนนี้ก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง คุณจะอยากรู้อยากเห็นใบหน้าของคนที่ไม่รู้จักทำอะไรล่ะ ดังนั้นคุณรีบๆบอกสถานการณ์ของประธานเปปเปอร์ในตอนนี้ให้ผมรู้เถอะ” ผู้ช่วยเหมันตร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
แว่นตาของการันต์สะท้อนแสงออกมาเล็กน้อย
แน่นอนว่า สำหรับเขา ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง
โดยหลักแล้ว ต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะศัลยกรรมตนเองจนกลายเป็นคนขี้เหร่ เขาก็ไม่น่าจะสนอกสนใจผู้หญิงคนนี้เช่นนี้
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเขาจึงอยากเห็นใบหน้าเดิมของผู้หญิงคนนี้มากๆ
สัญชาตญาณบอกเขาว่า ถ้าได้รู้ใบหน้าเดิมของผู้หญิงคนนี้ ต้องมีเซอร์ไพรส์แน่ๆ
คิดๆแล้ว การันต์ขยับแว่นตาเล็กน้อย พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ลุ่มลึก: “ก็ได้ พูดถึงสถานการณ์ของเปปเปอร์ก่อนแล้วกัน”
เรื่องใบหน้าเดิมของผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอก
หลังจากนี้เขามีเวลาทำให้กระจ่างแจ้งอยู่แล้ว
สิ่งที่เขาอยากรู้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ นอกเสียจากว่าเขาเองนั่นแหละที่จู่ๆก็ไม่สนใจแล้ว
“งั้นคุณรีบๆบอกมาสิ” ผู้ช่วยเหมันตร์กำหมัดแน่น เร่งรัดด้วยความร้อนรน
การันต์มองไปทางห้องฉุกเฉิน “เขาไม่เป็นไรแล้ว รถชนไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ เพียงแค่ทำให้หลังหัวของเขากระแทกนิดหน่อยเท่านั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เขาหมดสติไป”
ได้ยินว่าเปปเปอร์ไม่เป็นอะไร ในที่สุดผู้ช่วยเหมันตร์ก็คลายกังวลลงได้ เดินไปเดินมาด้วยความดีใจ “ดีจริงๆ ดีแล้วที่ประธานเปปเปอร์ไม่เป็นอะไร ผมบอกเรื่องนี้ให้ท่านย่ารู้ได้แล้ว หน้าที่การงานของผมก็รักษาเอาไว้ได้ด้วย”
แต่ทว่าผู้หญิงบนรถเข็นที่อยู่ข้างๆกลับไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ในทางกลับกัน เธอไม่ค่อยอยากจะยอมรับผลลัพธ์นี้อย่างชัดเจน
ไม่เป็นไร ไม่นึกเลยว่าจะไม่เป็นไร!
สมควรตาย ทำไมถึงไม่ชนให้เขาตายไปเลยล่ะ
พระเจ้ารู้ดี ตอนที่เธอรู้ว่าเขาหมดสติไป ในใจดีใจขนาดไหน คิดว่าเขาต้องบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ
แต่ผลลัพธ์ในตอนนี้บอกเธอว่า เขาไม่เป็นไร แค่หลังหัวกระแทกนิดหน่อย นี่มัน......
ฝ่ายหญิงกำหมัดแน่น ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถามการันต์ด้วยความกังวล “คุณหมอการันต์ งั้นสาเหตุที่ประธานเปปเปอร์หมดสติไปคืออะไรครับ? คงไม่ใช่......”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหยุดเล็กน้อย แล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างเย็นชา: “เรื่องที่เราจะคุยกันต่อ ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรฟัง คุณช่วยไปอยู่ที่ด้านนู้นหน่อย”
คำพูดของเขาไม่ใช่การปรึกษา แต่เป็นการบังคับ
“ค่ะ” ฝ่ายหญิงพยักหน้าตกลงยินยอมทำตาม แล้วเคลื่อนรถเข็นไปด้านหน้า
เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ผู้ช่วยเหมันตร์มองไม่เห็น เธอก็ก้มหน้าลง สายตาคลุมเครือ
นายคนนี้หมายความว่าไง?
ไม่ยอมให้เธอฟัง นี่ร่างกายของเปปเปอร์เป็นโรคที่น่าอับอายจนให้คนอื่นรู้ไม่ได้งั้นเหรอ?
ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ......
ฝ่ายหญิงยิ้มมุมปาก แววตาโหดร้ายน่าหวาดกลัว
ที่ด้านนี้ ผู้ช่วยเหมันตร์มองการันต์แล้วถามขึ้นอีกครั้ง: “คุณหมอการันต์ ที่ประธานเปปเปอร์หมดสติไป เพราะหัวใจสินะครับ?”
“ประมาณนั้นแหละ” การันต์หมุนมีดผ่าตัดในมือตอบกลับไปนิ่งๆ: “ในวินาทีนั้นที่เขาเกิดเหตุรถชนขึ้น หัวใจน่าจะเต้นเร็วเกินไป เดิมทีหัวใจของเขาก็ทนกับจังหวะการเต้นของหัวใจแบบนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว จึงสะเทือนไปถึงสมอง ทำให้หมดสติไป ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่นานก็คงฟื้น แต่จะปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องรีบตามหาหัวใจให้เจอได้แล้ว”
“ได้หัวใจแล้วครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์กุมขมับ “เพียงแต่ตอนนี้ผู้บริจาคยังไม่ถึงแก่ความตาย ดังนั้นถึงยังไม่ได้รับหัวใจสักที”
“งั้นเหรอ?” การันต์เลิ่กคิ้ว “ผู้บริจาคจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...