ป้าแดงยืนอยู่ที่เดิม โบกมือมองส่งเขา
จนกระทั่งรถเขาขับไปไกลแล้ว ออกไปจากขอบเขตสายตา ถึงจะวางมือลง หันหลังเดินเข้าประตูใหญ่คฤหาสน์
บนรถ เปปเปอร์ก็มองกระจกมองหลังอยู่ตลอด จนกระทั่งในกระจกมองหลังไม่เห็นคฤหาสน์แล้ว ก็เลื่อนกระจกหน้าต่างรถขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามายมิ้นท์
ณ เทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์กำลังรอเปปเปอร์มา
จนถึงตอนนี้อีกครึ่งชั่วโมงก็หนึ่งทุ่มแล้ว เปปเปอร์ก็ยังไม่มา มันทำให้เธออดกังวลไม่ได้ว่าเขายังเจอท่านย่าไม่เสร็จ หรือระหว่างทางเกิดเรื่องอะไรทำให้ล่าช้า
ขณะที่มายมิ้นท์ลังเลไม่กี่วินาที เตรียมจะโทรถามสถานการณ์กับเปปเปอร์ โทรศัพท์ที่เธอวางบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นมา
เธอหันศีรษะไปมอง เห็นคำว่าเปปเปอร์กะพริบอยู่บนหน้าจอ ความกังวลภายในใจเธอก็จางลงในที่สุด เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มาแนบหู “ฮัลโหล?”
“ขอโทษนะ คุยกับท่านย่านานไปหน่อย ให้คุณรอนานเลย” เปปเปอร์เอ่ยปากแสดงการขอโทษ
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ท่านย่าสำคัญที่สุด อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาเลย ตอนนี้คุณกับท่านย่าคุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม?”
เธอถาม
เปปเปอร์ตอบอืม “คุยเสร็จแล้ว เมื่อกี้ฉันเพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ จะถึงอีกประมาณสิบนาทีกว่าๆ”
“สิบนาทีกว่า?” มายมิ้นท์เลิกคิ้ว ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณแหย่ฉันเหรอ คฤหาสน์อยู่บนภูเขา ไกลจากตัวเมือง คุณเพิ่งออกมา ขับมาถึงอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง สิบนาทีกว่าจะถึงได้ยังไง ถ้าคุณคิดว่าแบบนี้จะสายเกินไป ฉันบอกคุณป้าได้นะ ว่าเราจะไปช้าหน่อย คุณอย่าขับรถเร็วเพราะรีบร้อน จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย”
ถึงแม้ว่าขับรถเร็วมาก ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะถึงภายในสิบนาทีกว่า แต่อย่างน้อยก็ถึงก่อนนิดหน่อย
เธอเลยเป็นห่วงมากว่าถ้าเขาทำแบบนี้แล้วเกิดอุบัติเหตุล่ะจะทำยังไง?
ขับเร็วเกินกำหนดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่สุดในอุบัติเหตุจราจร
ฟังออกถึงความกังวลและความไม่เห็นด้วยในน้ำเสียงมายมิ้นท์ เปปเปอร์กระตุกยิ้มหัวเราะเสียงทุ้ม “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ขับเร็วมากหรอก ฉันมีวิธีของตัวเอง ฉันบอกว่าสิบนาทีกว่าถึง ก็ต้องถึงแน่ เชื่อฉันไหม?”
“คุณมีวิธีอะไร?” มายมิ้นท์ทำหน้าสงสัย
แต่เปปเปอร์ไม่ยอมพูดอย่างน่าสงสัย “ถึงตอนนั้นคุณจะรู้เอง เอาล่ะ ไม่คุยแล้ว เจอกันในอีกสิบนาทีกว่า”
สิ้นคำพูด เขาก็วางสายทันที
มายมิ้นท์ยังไม่ทันพูดจบ ก็ชะงักติดอยู่ในลำคอ
มองหน้าจอที่กลับไปที่เมนูหลักแล้ว เธอก็ส่ายหน้าหลุดยิ้ม “เอาเถอะ งั้นฉันจะรอดูว่าอีกสิบนาทีกว่าคุณจะถึงหรือไม่ถึง”
อย่าขี้โม้เลย
ไม่อย่างนั้นถึงตอนนั้นจะเสียหน้าเอานะ
มายมิ้นท์พึมพำเสร็จ ก็วางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
อีกด้านหนึ่ง บนถนนส่วนตัวเขาเมฆาทัศน์ เปปเปอร์จอดรถริมถนน จากนั้นก็ลงรถเงยหน้ามองท้องฟ้า
มองประมาณหนึ่งนาที ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มีเสียงใบพัดเครื่องดังขึ้น ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
จากนั้น เฮลิคอปเตอร์หรูสีขาวเงินลำหนึ่งก็ปรากฏบนท้องฟ้า
เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นใกล้เข้ามาจากที่ไกลๆ สุดท้ายจอดแน่นิ่งเหนือศีรษะเปปเปอร์ประมาณสิบเมตรกว่า
เปปเปอร์มองเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น ยื่นมือไปทำท่า
วินาทีต่อมา ประตูเฮลิคอปเตอร์ก็เปิดออก บันไดเชือกอันหนึ่งก็ถูกหย่อนลงมาจากในประตู จากนั้นชายที่สวมชุดบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็ชะโงกศีรษะออกมาจากในประตู หลังพยักหน้าให้กับเปปเปอร์ ก็คว้าบันไดเชือกเอาไว้ แล้วลงบันไดเชือกจากเฮลิคอปเตอร์ทีละขั้น
“ประธานเปปเปอร์” บอดี้การ์ดกระโดดลงมาจากบันไดเชือก มาตรงหน้าเปปเปอร์ แล้วตะเบ๊ะใส่เปปเปอร์
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็โยนกุญแจรถในมือให้ “ขับรถกลับบริษัทตระกูลนวบดินทร์”
“ครับ” บอดี้การ์ดรับกุญแจมาแล้วตอบรับ
เปปเปอร์ไม่สนใจเขา เดินผ่านตัวเขาไปที่บันไดเชือกเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นก็คว้าเชือกสองด้านบันไดเชือกไว้ ปีนตาข่ายขึ้นไปไม่กี่ก้าว เมื่อปีนมาถึงกลางบันไดเชือกก็หยุดขยับ
ในขณะนี้ เฮลิคอปเตอร์เริ่มขับขึ้นข้างบน
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ขับขึ้นระดับความสูงที่มั่นคงแล้ว คนในเฮลิคอปเตอร์ ก็เริ่มดึงบันไดเชือกและเปปเปอร์กลับไปที่ห้องโดยสารพร้อมกัน
มายมิ้นท์ยังไม่รู้ว่ามีผู้ชายบางคนนั่งเฮลิคอปเตอร์มาถึงเทนเดอร์กรุ๊ปแล้ว
มายมิ้นท์เข้าห้องน้ำเสร็จกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบโทรศัพท์มาเริ่มนับเวลาเปปเปอร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...