เย่เสวี่ยจู๋เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา แล้วเอื้อมมือหยิบร่างการออกแบบออกมาแล้วค่อยๆวางลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นทางการว่า: "ประธานเฉินคะ นี่เป็นร่างการออกแบบระยะแรกของโครงการ Rose Garden ค่ะ"
"วางไว้ ออกไปได้" เฉินซิงเหย้าออกคำสั่งเพียงสั้นๆ
หลังจากได้ยินคำสั่ง เย่เสวี่ยจู๋ก็ไม่ได้ออกไปในทันที แต่ยังควยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและกุมมืออย่างกังวล
“มีเรื่องอะไรอีกไหม?” น้ำเสียงของชายคนนั้นเย็นชาและแข็งกร้าว
เย่เสวี่ยจู๋กลืนน้ำลายและพูดว่า "ประธานเฉิน มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะรบกวน วันนี้ฉันต้องจ่ายค่าเช่าบ้านแล้วแต่ฉันไม่มีเงินในตอนนี้ คุณให้ฉันยืมเงินก่อนได้ไหม ฉันจะจ่ายคืนทันทีที่ได้เงินเดือน”
"คุณขาดเงินมากเหรอ"เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอและหัวเราะอย่างเยาะเย้ย "คุณขาดเงินหรือต้องการให้ฉันมีอะไรกับคุณ เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอ?”
เย่เสวี่ยจู๋กำมือแน่น และถอยหลังไปหนึ่งก้าว ถ้ารู้ว่าเขาจะทำให้เธอขายหน้าในสถานการณ์เช่นนี้ ถึงเจ้าของบ้านจะไล่ออก เธอก็จะไม่มีทางขอให้เขาช่วยเหลือ!
เมื่อเห็นเธอหน้าแดง เฉินซิงเหย้าก็ลดคิ้วลง สายตาของเขามองไปที่อื่นและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: "คืนนี้ฉันมีงานเลี้ยง คืนวันพรุ่งนี้มาหาฉันละกัน"
เย่เสวี่ยจู๋ดื้ไม่ตอบสนองเขา หันกลับไปผลักประตูและวิ่งออกจากห้องทำงาน เธอกลับไปที่ห้องทำงานด้วยความลำบากใจ
ในตอนเย็นขณะที่เลิกงาน เย่เสวี่ยจู๋ยังไม่สามารถยืมเงินจากใครได้
ตั้งแต่ออกมาจากห้องทำงานของเฉินซิงเหย้า เธอรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ มองเธอด้วยท่าทางแปลกๆ เธอกระสับกระส่ายอึดอัดและทรมานใจ
หลังจากเลิกงาน เย่เสวี่ยจู๋ก็เดินตรงไปที่โรงพยาบาลที่แม่ของเขาอยู่
แม่ของเธอมีอาากรสมองเป็นอัมพาตเมื่อสามปีก่อน และอยู่ในโรงพยาบาลตลอด พ่อของเธอเกลียดแค้นภรรยาเพราะการตายของพี่สาวเย่เสวี่ยจู๋ หลังจากที่แม่ของเย่เสวี่ยจู๋ล้มป่วย เขาก็ไม่เคยจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเลยแม้แต่น้อย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดล้วนมากจากการที่เธอคุกเข่าวิงวอนเฉินซิงเหย้า
เย่เสวี่ยจู๋ออกจากโรงพยาบาลตอนสองทุ่ม แม่ของเธอยังคงไม่ได้สติ และรับรู้ไม่ได้ถึงการมาหาของเธอ
หลังจากเดินไปได้สักพัก เย่เสวี่ยจู๋ก็เปิดโทรศัพท์มือถือ และพบว่าแม้แต่โทรศัพท์มือถือก็หยุดทำงานเนื่องจากค้างค่าโทรศัพท์ ไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณหรือโทรออกได้
มันช่างเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนจริงๆ
เธอเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย อยู่ดีๆก็เดินมาที่ที่เธอเคยเรียนสมัยก่อนอย่างไม่รู้ตัว เธอยืนอยู่หน้าร้านบะหมี่ มองดูหม้อเกี๋ยวเตี๋ยวที่เดือดพล่านจนไอร้อนลอยออกมา เธอกลืนน้ำลายด้วยความหิวโหย
เย่เสวี่ยจู๋เดินเข้าไปในร้านบะหมี่ และสั่งบะหมี่เกี๊ยวหนึ่งชาม บะหมี่ร้อนอร่อยถูกเสิร์ฟโดยเจ้าของอย่างรวดเร็ว คำแรกที่กินเข้าไป เธอสัมผัสถึงรสชาติความอร่อยและก้มกินอย่าไม่รอช้า
หลังจากกินเสร็จ เธอชำระเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับ WIFI ในร้าน และใช้วิธีการแย่งอั่งเปาใน WeChat ถึงจะจ่ายเงินค่าบะหมี่ได้
หลังจากกินอิ่มแล้ว ขณะที่กำลังเดินออกจากร้านบะหมี่ มีเสียงต่ำที่คุ้นเคยเรียกเธอว่า "ใช่ เสวี่ยจู๋ ไหม?"
เย่เสวี่ยจู๋หันกลับไป และพบว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนหลู่เฉิน
หลู่เฉินสวมชุดสูททางการ ดูก็รู้ว่าเขาเพิ่งเลิกงาน
เขาเห็นเย่เสวี่ยจู๋ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาของเขาสดใส: "เสวี่ยจู๋ ฉันไม่คิดเยว่าจะเป็นคุณ"
เย่เสวี่ยจู๋ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร เธอจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียน หลู่เฉินมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี มีเพื่อนร่วมชั้นมากมายอยู่รอบตัวเขา แต่เขามักจะพูดน้อย เย่เสวี่ยจู่พบเขาที่ห้องเรียนในบางครั้ง และเขาก็ยังเป็นคนเงียบๆ เธอไม่ได้คุยกับเขาเลย นับประสาอะไรกับการพูดคุยแลกเปลี่ยน เนื่องจากไม่เคยได้คุยกันลึกซึ้ง หลังจากเรียนจบทั้งสองจึงไม่ได้ติดต่อกันอีกและไม่ได้เพิ่มอีกฝ่ายในแอพโซเชียล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักกันอย่างเสียงเงียบ เบิกบานอย่างสุขสงบ