บทที่ 9 ได้โปรดช่วยพ่อของเธอด้วย
สายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาไม่หยุด ช่วยเรียกสติของรสรินที่สลบอยู่ข้างถนนให้กลับมา มือขวาของเธอยังเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถที่จะขยับได้
รสรินอาศัยการพิงกำแพงเพื่อค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก
สายฝนที่ตกลงมากระทบหน้าของเธอ เป็นตัวช่วยชำระล้างเลือดที่เกาะอยู่บนหน้าออกไปจนหมด เธอพยายามก้าวขาไปตามถนนอย่างลำบาก จนไปถึงถนนใหญ่ได้ด้วยตัว
เอง ก่อนจะเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว หลังจากนั้นก็กลับไปที่ห้องพักฟื้นเพื่อดูแลลูกตัวเอง
สุขภาพของเด็กยังคงแย่เหมือนเดิม และดูเหมือนว่าจะแย่ลงไปทุกวัน แม้แต่จะร้องไห้ยังไม่มีแรงเลย
หมอเข้ามาตรวจอาการเด็กภายในห้องแล้วพบกับรสรินโดยบังเอิญ ก่อนทั้งคู่จะมีโอกาสได้พูดคุยกัน “ตอนนี้เด็กยังไม่สามารถที่จะตื่นเองได้เพราะเขายังเล็กเกินไป ทางโรงพยาบาลของเราเองก็ยังไม่มีเครื่องมือที่จะสามารถรักษาเขาให้หายได้ทำได้ ตอนนี้เราทำได้เพียงรักษาอาการไว้เท่านั้น คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลและย้ายเด็กไปรักษาต่อที่ต่างประเทศให้เร็วที่สุด นี้ถึงจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเขา”
“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณคุณหมอนะคะ”
รสรินปิดตาลง พยายามขมความเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อยไว้ภายใน
ไปต่างประเทศตอนนี้ยังคงทำไม่ได้... ตอนนี้ต้องรีบหาเงิน ก่อนอื่นคงต้องขายคอนโดไปก่อนสินะ
“คุณรสรินครับ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?” คุณหมอถามอาการอย่างเป็นห่วง
รสรินเอามือแตะหน้าผากก็รับรู้ว่าตัวร้อนรุ่มจริง ๆ คงเพราะจากการตากฝนในวันนั้น
“ฉันไม่เป็นไรคะ” ตอนนี้เธอมีเวลามาดูแลตัวเองที่ไหนล่ะ ตอนรีบขายคอนโดเพื่อหาเงินก่อน
วันถัดมา รสรินรีบเข้าไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทำเรื่องการขายคอนโด และเนื่องจากเป็นการประกาศขายอย่างเร่งด่วนทำให้คอนโดของเธอโดนกดราคาไปค่อนข้างเยอะ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเพราะจำเป็นต้องขายมันจริง ๆ
หลังจากได้เงินก้อนนี้มาแล้ว เธอก็รีบทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้กับลูกสาวของเธอ ใช้ทั้งยาและหมอที่เก่งที่สุดในประเทศมารักษา
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เด็กมีอาการดีขึ้น เธอไม่นอนทั้งวันเพื่อมาเล่นกับลูก พบว่าเขาสามารถลืมตา โบกมือเล็ก ๆ นั้นไปมา พร้อมหัวเราะคิกคักตลอดทั้งวัน
“เด็กดี” จากภาพตรงหน้าในขณะนั้นมันทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าเธอต้องตายไปพร้อมกับลูกเธอก็ยินดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนายมันเจ็บเหลือเกิน