กนกอรส่ายหน้าขึ้นมา แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้ดูดี ๆ จำได้แค่ว่าเป็นรถแท็กซี่คันหนึ่ง พอวิการับโทรศัพท์แล้วก็พุ่งออกไปเลย แล้วข้างทางก็มีรถแท็กซี่จอดอยู่คันหนึ่งพอดี ซึ่งตัวเธอก็ไม่ได้สนใจว่าบนรถจะมีคนอยู่หรือเปล่า พอเปิดประตูได้ก็ขึ้นรถไปเลย จากนั้นรถก็ขับออกไปทันทีเลย ฉันก็เลยจำป้ายทะเบียนรถไม่ได้ค่ะ”
พอเห็นว่ากนกอรไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ชเนนทร์ก็เข้าไปนั่งในรถทันที แล้วขับเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาขับรถไปด้วยและโทรหาน้องสาวไปด้วย
โทรศัพท์ของเทวิกาได้ปิดเครื่องไปแล้ว
ใจของชเนนทร์กระตุกวูบไปทีหนึ่ง
แล้วเปลี่ยนเป็นไปโทรศัพท์หายศพัฒน์
ยศพัฒน์มีเส้นสายกว้างขวาง มีทั้งกำลังและอำนาจ ตามหาคนขึ้นมาจะต้องง่ายดายกว่าเขาเยอะ
อยู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายภรรยา ยศพัฒน์ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กลัวว่าพี่ชายภรรยาที่ทั้งเป็นเพื่อนสมัยเรียนเก่าจะมาหาเรื่องเขา
ในขณะเดียวกัน โทรศัพท์อีกเครื่องของเขาก็ดังขึ้นมาเหมือนกัน เป็นสายโทรเข้าจากวายุ
วายุเป็นบอดี้การ์ดที่ภูริชแอบส่งไปปกป้องดูแลเทวิกา
สีหน้าของยศพัฒน์เคร่งขรึมขึ้นมา แล้วก็กดรับสายโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องพร้อมกัน เขาพูดกับพี่ชายภรรยาทางปลายสายก่อน “ชเนนทร์ เดี๋ยวฉันรับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งก่อนนะ ไม่นานเดี๋ยวก็……”
“ยศพัฒน์ เกิดเรื่องขึ้นกับวิกาแล้ว!”
ชเนนทร์พูดขัดคำพูดของเขาขึ้น แล้วก็พูดออกมาตรง ๆ ว่า “วิกาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งตอนอยู่ในร้าน อีกฝ่ายบอกว่าฉันเกิดอุบัติเหตุ แล้วเธอก็ไม่ทำการยืนยันสักหน่อย รีบร้อนวิ่งออกจากร้านไป แล้วมีรถแท็กซี่จอดอยู่ข้างถนนคันหนึ่งพอดี เธอก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว กนกอรวิ่งตามออกไปก็ได้คุยด้วยแค่ไม่กี่ประโยค รถก็ขับออกไปเลย”
“ตอนนี้โทรศัพท์ของวิกาปิดเครื่องไปแล้ว ส่วนทะเบียนรถของรถแท็กซี่คันนั้น กนกอรก็จำไม่ได้ นายรีบไปตรวจสอบดูสักหน่อย ถ้าสามารถหาภาพกล้องวงจรปิดตรงหน้าร้านมาดูได้ ก็จะเห็นได้แล้วว่าวิกาขึ้นรถคันไหนไป”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของยศพัฒน์ก็เปลี่ยนไปทันที
ในใจเขากระวนกระวายมาก
แต่ก็ไม่สามารถวุ่นวายจนสติแตกได้
ตอนนี้เทวิกากำลังตกอยู่ในอันตราย ยังรอให้เขาไปช่วยอยู่ ถ้าเขาสติแตกไป แล้วใครจะไปช่วยเทวิกาล่ะ?
ยศพัฒน์พยายามบีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง และพูดกับชเนนทร์อย่างสงบนิ่งขึ้นว่า “ฉันจะส่งคนไปตามหาเบาะแสของวิกาเดี๋ยวนี้ ฉันจะต้องตามหาวิกากลับมาให้ได้แน่!”
พอวางสายจากชเนนทร์แล้ว ยศพัฒน์ก็ถามวายุขึ้นว่า “คุณนายน้อยขึ้นรถอะไรไป พวกนายรู้หรือเปล่า?”
“ครับคุณชายใหญ่ ตอนนี้คุณนายใหญ่ถูกลักพาตัวออกไปจากเขตตัวเมือง ตอนแรกผมกับสายฟ้าก็ตามไปติด ๆ แต่พอถูกอีกฝ่ายพบเห็นเข้าแล้ว อีกฝ่ายก็ส่งรถมาดักและขัดขวางผมกับสายฟ้าเยอะมาก”
“รถแท็กซี่คันที่ลักพาตัวคุณนายน้อยไป ถูกเปลี่ยนออกไปแล้ว เปลี่ยนเป็นรถเก๋งสีขาวคันหนึ่ง ทะเบียนรถคือXXXXXXX แต่ตอนที่พวกเราถูกสกัดไว้ ก็พบว่าพวกเขาเปลี่ยนรถไปอีกแล้ว และห่างไกลกันเกินไป ตอนนี้พวกเราก็เลยไม่รู้ว่ารถคันที่พาคุณนายน้อยไปทะเบียนรถคืออะไรครับ”
และเป็นเพราะรู้สึกว่าคุณนายน้อยถูกลักพาตัวไปแล้ว พวกเขาก็เลยรีบโทรมารายงานคุณชายใหญ่ทันที
และที่สำคัญอีกฝ่ายก็ได้จัดระเบียบมา ได้วางแผนมาก่อนแล้ว ตอนที่พวกเขาพาคุณนายใหญ่เปลี่ยนรถนั้น ล้วนแต่งตัวกันอย่างมิดชิด อย่างกับใส่ชุดป้องกัน ไม่มีทางเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายจัดเจนเลย
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
ยศพัฒน์ตะคอกเสียงต่ำออกมา “ตั้งแต่ที่คุณนายใหญ่ขึ้นรถไปจนถึงตอนนี้ผ่านมากี่นาทีแล้ว?”
“รวม ๆ กันแล้วก็ประมาณสิบนาทีครับ”
ยศพัฒน์ใบหน้ามืดมน “ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว พวกแกเพิ่งจะมารายงานฉันเหรอ!”
วายุพูดอธิบายขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ตอนแรกพวกเรายังไม่รู้ว่าเป็นการลักพาตัว พอเห็นคุณนายน้อยขึ้นรถแท็กซี่ไป พวกเราก็แอบตามอยู่อย่างเงียบ ๆ พอเห็นว่ารถคันนั้นไม่ได้มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ถึงรู้สึกว่าผิดปกติ นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วครับ”
“จากนั้นพวกเราก็ขับรถเร่งความเร็วตามไป อีกฝ่ายก็เลือกใช้แต่ถนนเส้นเล็ก ๆ เลี้ยวไปเลี้ยวมา เพื่อจะสลัดพวกเราทิ้ง แล้วก็เริ่มเปลี่ยนรถไปเรื่อย ๆ ผมก็เลยรีบโทรมาบอกคุณชายใหญ่เลยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน