เมื่อเทวิกานึกถึงผู้หญิงที่เสียสติคนนั้น ก็คือแม่แท้ๆ ของตัวเอง เธอรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
ตอนที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบ้านตระกูลวาชัยยุง เธอนึกว่าตัวเองถูกพ่อแม่แท้ๆ ทอดทิ้งเสียอีก
ตอนที่คุณแม่เอาเสื้อผ้าที่เธอใส่ตอนเด็กกับกุญแจอายุยืนให้เธอนั้น บวกกับเธอเคยฝันเห็นหญิงสาวเสียสติร้องไห้และเรียกลูก ถึงสองครั้ง ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
เมื่อหญิงสาวในฝันกลายเป็นความจริง และปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ อุ้มตุ๊กตาไว้แล้วเรียกป่าๆ จำไม่ได้แม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง ทำให้เทวิกาเจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ
เป็นเพราะเธอหายตัวไป ถึงทำให้คุณแม่เสียสติไปใช่ไหม
เป็นเพราะความบังเอิญ แม่ลูกได้เจอกันอีกครั้ง แต่ได้เจอกันกลับจำหน้ากันไม่ได้
ถ้าหาก ไม่ใช่เป็นเพราะเธอเคยฝันเห็นแล้วสองครั้ง เธอคาดคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าผู้หญิงเสียสติคนนั้นจะเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ
ไม่แน่ อาจพลาดโอกาสได้ยอมรับความเป็นแม่ลูกกันอีกครั้งก็เป็นได้
“หลายปีมานี้ เธอเจออะไรมาบ้าง?ถึงกลายเป็นแบบนี้……”
เทวิการ้องไห้
ยศพัฒน์กอดเธอไว้แน่น แล้วปลอบเสียงอ่อนโยนออกมาว่า: “วิกา อย่าเพิ่งคิดมาก ความจริงต้องปรากฏออกมาแน่นอน”
เทวิกากอดเขากลับอย่างแน่นหนาเช่นเดียวกัน
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เธอกับเขาเพิ่งเป็นสามีภรรยากันได้ไม่นาน ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่สองสามีภรรยา กลับผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันมากมาย เรื่องที่ประสบเจอมาพวกนั้นเธอไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าเรื่องพวกนั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเธอได้
เธอเป็นคนชอบแต่งนิทาน เรื่องราวที่เขียนออกมาบางครั้งก็มีฉากน้ำเน่าอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดี ว่าทุกอย่าง ล้วนเป็นการปรุงแต่งขึ้นมาทั้งนั้น ถือเป็นเรื่องจริงไม่ได้
ใครจะไปรู้ในชีวิตจริง จะมีฉากน้ำเน่าได้มากมายถึงขนาดนี้
นิน่าถึงมีคนพูดว่าทุกอย่างล้วนมาจากชีวิตจริงทั้งนั้น
ทางด้านเทวิกาเมื่อได้เจอคนที่อาจเป็นคุณแม่ของเธอจริงๆ โดยบังเอิญแล้ว ส่วนทางด้านของกนกอรหลังจากที่เพื่อนรักกลับไปแล้ว เธอได้ล็อกประตูร้านให้เรียบร้อย แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ใครจะไปรู้ระหว่างทาง กลับถูกขบวนรถของนฤเบศวร์ขวางทางไว้
สีหน้าของนฤเบศวร์ดูไม่ได้เลย
กนกอรรู้ดีแก่ใจ
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ
นฤเบศวร์มีสิทธิ์อะไรมาชักสีหน้าใส่เธอ?
นฤเบศวร์กดกระจกรถลงมา พูดกับกนกอรด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า: “ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”
“ทำอะไร?”
นฤเบศวร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า: “จะทำอะไร คุณปู่สั่งให้พวกเรากลับบ้านกินข้าวพร้อมกัน พร้อมกัน!”
เขาจงใจเน้นเสียงหนักไปที่คำว่า “พร้อมกัน”
นึกว่าจดทะเบียนสมรสกันแล้วทุกอย่างก็จะราบรื่น นึกว่ากนกอรกับเขาเซ็นสัญญาข้อตกลงกันแล้ว ก็สามารถปกปิดเรื่องแต่งงานได้ แต่กลับลืมไปว่าคุณปู่จะยอมให้พวกเขาปกปิดเรื่องแต่งงานได้ยังไง
ถึงแม้คุณปู่จะยังไม่ได้เปิดเผยฐานะของกนกอรให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ภายในของตระกูลเดชอุป ยังไงก็ต้องเปิดเผยฐานะของกนกอรให้ทุกคนรู้
คืนนี้กลับไปกินข้าวที่บ้าน ต้องเป็นงานเลี้ยงพบปะนับญาติแน่เลย
“ทำตัวว่องไวหน่อย รีบขึ้นรถเร็ว ถ้าเกิดนักข่าวสายบันเทิงเห็นเข้า แล้วเป็นข่าว จะหักเงินเธอหนึ่งปี”
กนกอรถลึงตาใส่เขา “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของฉันจะทำยังไงดี?”
นฤเบศวร์เหลือบไปมองมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเธอ แล้วพูดเสียงเย็นชาออกมาว่า: “โยนทิ้งซะ!”
ก็แค่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่กี่พัน เธอยังกล้าขับโชว์ไปมาอีก ขายขี้หน้าของเขาจริงๆ ถ้าหากมีใครรู้เข้าว่าภรรยาของนฤเบศวร์ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแล้วหล่ะก็ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
กนกอร: “……ฉันเพิ่งซื้อใหม่ได้ไม่นาน คันหนึ่งตั้งสามพันกว่า คุณกลับไปก่อน ฉันเอารถไปเก็บที่บ้านก่อนแล้วค่อยเรียกแท็กซี่ไปอีกที”
นฤเบศวร์สีหน้าดิ่งลงแล้วพูดเสียงเข้มออกมาว่า: “เธอไม่ได้ยินเมื่อกี้ฉันพูดว่าอะไรเหรอ?คุณปู่ให้ฉันพาเธอกลับไปที่บ้านกินข้าวพร้อมกัน!ขึ้นรถ!รถคันแค่สามพันกว่าเธอก็เห็นมันเป็นของมีค่าไปได้ เธอ……”
กนกอรขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกไปทันที
ขี้เกียจคุยกับประธานชั่วคนนี้ต่อ
พูดจาไม่เข้าหู แม้แต่คำเดียว
เสมือนเธอทำอะไรผิดยังไงอย่างนั้นเลย
ความจริงเป็นเพราะว่าตัวเขาไม่ได้เรื่องเอง เลยถูกคุณปู่ข่มขู่ แต่มาอารมณ์เสียใส่เธอ
นึกว่าเธอรังแกได้ง่ายๆ เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน