เทวิกาไม่รู้ว่าคนในบ้านคุยอะไรกัน ทว่าเธอก็พอจะเดาได้
สองสามีภรรยาพาพวกผู้ใหญ่เดินเล่นในคฤหัสถ์ อันที่จริงเทวิกาเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับคฤหัสถ์ เธอเข้ามาอาศัยได้ไม่นาน คฤหัสถ์ใหญ่เกินไป หลงทางได้ง่าย
ปกติคุณหญิงธิษณาก็มักจะอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกบ้านบ่อยนัก ประยสย์เองก็ไม่กล้าให้แม่ออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
คุณหญิงธิษณาออกกำลังกายได้น้อยลง เดินได้ไม่เท่าไหร่ ก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว
“วิกา ฉันอยากพักสักหน่อย”
คุณหญิงธิษณาเอ่ยเสียงอ่อนล้า ท่าทางดูน่าสงสารเล็กน้อย
“งั้นก็พักสักหน่อยเถอะ”
เทวิกาพูดอย่างเอาใจใส่ว่า “แม่ ให้หนูช่วยแม่ถือตุ๊กตาไว้เถอะ”
พูดจบ เธอก็จะไปเอาตุ๊กตาตัวนั้นออกมาจากอ้อมกอดแม่
คุณหญิงธิษณารีบเอ่ยว่า “ไม่ต้องแล้วล่ะ ลูกนอนหลับแล้ว ฉันอุ้มเธอไว้ก็ไม่เหนื่อยอะไร เธอเองก็เป็นเด็กดี ให้ฉันอุ้มเธอนอนเถอะ”
เทวิกาเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “ก็ได้ แม่อุ้มเถอะ ถ้าอุ้มเหนื่อยแล้ว ก็ให้หนูช่วยแม่อุ้มนะ”
คุณหญิงธิษณาตอบเสียงอืม เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “วิกา ตอนอยู่ในบ้านฉันได้ฟังพ่อเธอเล่าเรื่องที่เขาเก็บเธอมาเลี้ยง ฉันก็กลัว กลัวว่าลูกฉันเองก็จะหายสาบสูญไปเหมือนกัน คนชั่วพวกนั้นเอาแต่จ้องจะแย่งลูกฉันไป ฉันกลัวมาก มีแต่ต้องอุ้มลูกฉันไว้ตลอดเวลาเท่านั้น ฉันจึงจะรู้สึกเบาใจ”
“แม่ฟังหมดเลยเหรอคะ?”
“ฟังหมดเลยสิ แต่ว่า ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ทำไมสามีฉันต้องคุกเข่ากับเธอ กราบขอบคุณพ่อแม่เธอที่เก็บเธอมาเลี้ยงด้วย เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับสามีฉันงั้นเหรอ? สามีฉันเองก็มีน้องสาวหายสาบสูญไปเหรอ? ฉันแต่งงานกับสามีฉันมานานขนาดนี้ ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
เทวิกากับยศพัฒน์มองหน้ากัน
ยศพัฒน์เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ไปพักผ่อนที่ศาลาข้างหน้ากันก่อนเถอะ”
ศาลาหลังนั้นสร้างอยู่บนสระบัวขนาดใหญ่ รอบสี่ทิศของศาลายังมีมู่ลี่ เมื่อปล่อยมู่ลี่ลง แสงอาทิตย์ก็จะถูกบดบัง สาดส่องเข้ามาไม่ได้
เมื่อดึงมู่ลี่ขึ้น ก็จะเห็นสระบัวกว้างใหญ่ปรากฏแก่สายตา
ฤดูร้อนเป็นฤดูที่ดอกบัวเบ่งบาน
นั่งอยู่ที่นี่ลิ้มรสชา ชมดอกบัว ก็ผ่อนคลายสบายใจ
แต่ตอนนี้เทวิกาไม่มีกะจิตกะใจจะชมดอกบัว หลังจากที่นั่งลง เธอก็ถามคุณหญิงธิษณาเสียงอ่อนโยนว่า “แม่ แม่ได้ยินพ่อเล่าเรื่องที่เก็บหนูมาเลี้ยง แม่นึกอะไรขึ้นได้หรือเปล่า? อย่างเช่น อันที่แม่อุ้มไว้ไม่ใช่ลูกของแม่ แต่เป็นตุ๊กตา สามีที่แม่เรียกก็ไม่ใช่สามีของแม่ แต่เป็นลูกชายแม่ หนูไม่ใช่ลูกสาวที่แม่แต่งตั้งขึ้นมั่วๆ แต่เป็นลูกสาวแท้ๆของแม่”
คุณหญิงธิษณาอึ้งชะงัก
ทุกคนต่างมองไปที่เธอ
“ไม่! ลูกฉันยังอยู่ ลูกฉันยังอยู่ที่นี่ นี่คือลูกสาวฉัน! ประยสย์ไม่ใช่ลูกชายฉัน เขาคือสามีฉัน ลูกชายฉันชื่อ......”
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็เริ่มสับสน
เพราะที่ผ่านมา มักจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูเธอซ้ำๆว่า “ลูกชายเธอชื่อประยสย์ ลูกสาวชื่อเนตรดาว”
“แม่ แม่ลองคิดดูดีๆอีกที ลูกชายแม่ชื่ออะไร? ลูกสาวแม่มีลักษณะเด่นอะไรหรือเปล่า?”
“ลูกชายฉันชื่อ......เขาชื่ออะไร เขาชื่ออะไร? ทำไมจู่ ๆฉันก็นึกขึ้นมาไม่ได้ ไม่เหมือนพ่อเขา ไม่เหมือนกัน......”
คุณหญิงเริ่มร้อนรนใจ
เธอเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “หลังหูซ้ายของลูกสาวฉันมีไฝเท่าเม็ดถั่วเขียว หูซ้ายหรือหูขวากันนะ? หูซ้าย ใช่ หูซ้าย”
“ฉันดูหน่อยว่าไฝของลูกสาวฉันยังอยู่ไหม?”
พูดจบ เธอก็ดูที่หลังหูของตุ๊กตา แน่นอนว่าที่นั่นย่อมไม่มีไฝ
“ไฝล่ะ ไฝลูกสาวฉันล่ะ?”
“แม่ แม่ดูไฝของหนูสิ”
เทวิกายื่นตัวไปข้างหน้า ให้คุณหญิงดูไฝที่หลังหูเธอ
คุณหญิงธิษณาดูไปพลาง ลูบไปพลาง ปากก็เอ่ยเสียงพึมพำว่า “บังเอิญจริงๆ เธอชื่อวิกา เธอเรียกฉันว่าแม่ ฉันเองก็ชอบให้เธอเรียกฉันว่าแม่มากด้วย มักจะรู้สึกว่าเราสองคนเหมือนแม่ลูกแท้ๆ แต่อายุเราก็ใกล้เคียงกันนี่ ไฝของลูกสาวฉันยังมาขึ้นที่เธอได้ บังเอิญเกินไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน