เมื่อยศพัฒน์เห็นเธอไม่โกรธแล้ว สีหน้าถึงโล่งอกออกมาได้
ขอแค่เธอไม่โกรธก็พอ
“น่าจะเป็นของมีค่าที่ผมเก็บได้ พี่ชายคุณชอบบอกว่าคุณดีแค่ไหน ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว ต่อมาหลังจากได้เจอหน้ากัน จึงค่อยๆ เก็บคุณไว้ในใจ และในที่สุดวันนี้ก็ได้แต่งงานกับคุณจนได้ ผมจึงสามารถนอนหลับอย่างสบายใจได้”
“วิกา คุณคือของมีค่าสำหรับผม!ผมจะเก็บรักษาคุณไว้อย่างดี ไม่ว่าฐานะของคุณจะเปลี่ยนไปยังไง ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณ เผชิญพายุไปพร้อมกับคุณ เพื่อให้ไปถึงฝั่งอย่างปลอดภัย”
“พวกเราอย่าสารภาพความในใจกันอีกเลย รีบกลับกันเถอะ แม่ทั้งสองคนของฉันยังรอพวกเรากินข้าวพร้อมกันที่ร้านอยู่เลย ใช่ละ ฉันเอาขนมมาฝากคุณกล่องหนึ่งด้วย เป็นขนมที่แม่ยายแท้ๆ ของคุณทำเองกับมือเลยนะ”
เทวิกาคิดไม่ถึงว่าแม่แท้ๆ ของตัวเองจะทำขนมอร่อยขนาดนี้
“วางไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวช่วงบ่ายค่อยกินตอนหิว ขนมที่แม่ยายผมทำ ยังไง ผมก็ต้องกินหมดอยู่แล้ว”
“ฉันรู้ว่าคุณเอาใจแม่สามีเก่งมาก แม่ของฉันทั้งสองคนจึงลำเอียงไปข้างคุณเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกของพวกเธอ”
เทวิกาพูดออกมาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
ตอนแรกแม่เลี้ยงแค่เกลี้ยกล่อมให้เธอหย่ากับยศพัฒน์ เพราะเป็นห่วงเธอกลัวจะเสียใจ แต่หลังจากที่เธอตัดสินใจออกมาแล้ว แม่เลี้ยงก็ไม่เคยพูดเรื่องหย่าอีกเลย ทำดีกับยศพัฒน์มากกว่าพี่ชายของเธอเสียอีก
“ที่คุณแม่ดีกับผมขนาดนี้ ความจริงแล้วคืออยากให้ผมดีกับคุณมากยิ่งขึ้นต่างหาก”
มีหรือที่ยศพัฒน์จะไม่เข้าใจความในใจของแม่ยาย
สองสามีภรรยาเดินออกมาจากออฟฟิศ
ได้เวลาเลิกงานแล้ว แต่ไรยายังไม่ได้กลับ เมื่อเห็นสองสามีภรรยาเดินออกมา ไรยาได้ทักทายทั้งสองคน หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์แล้ว ไรยาถึงเริ่มเก็บของบนโต๊ะ เพื่อเตรียมตัวเลิกงาน
ระหว่างทางที่ไปร้านOne Day In Coffee เทวิกาวกกลับไปที่เรื่องของเปรมาอีกครั้ง เธอพูดขึ้นว่า: “เปรมาบอกว่าเธอมาหาคุณเพราะเรื่องงาน ฉันดูแล้วเหมือนเธอร้อนรนมาก คุณทำอะไรลงไปแล้วปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”
ยศพัฒน์ไม่ตอบแต่ถามกลับออกมาว่า: “วิกา คุณคิดว่าความสามารถของเปรมาที่อยู่ในเมืองแอคเซสซ์คืออะไรเหรอ?”
“ตัวเธอเองก็มีเงินอยู่แล้ว และยังมีนฤเบศวร์เป็นที่พึ่งของเธออีก คนธรรมดาทั่วไปไม่กล้ารังแกเธออยู่แล้ว”
“พวกเราไม่สามารถตีเธอหรือฆ่าเธอได้ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะถูกเธอฟ้องร้องจนต้องขึ้นศาล แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่ทำให้เธอไม่กล้ากำเริบเสิบสานอีก และทำให้เธอตายทั้งเป็น เวลาเราจะแก้แค้นใครสักคน ไม่จำเป็นต้องใช้มีดฆ่าเธอให้ตาย เพราะแบบนั้นจะกำไรเธอมากเกินไป ทำให้เธอตายทั้งเป็น ถึงจะเป็นการแก้แค้นขั้นสูงสุด”
“เธอย้ายธุรกิจที่กำลังไปได้สวยในต่างประเทศกลับมาที่เมืองAหมด เมื่ออยู่ในพื้นที่ของผม ยังกล้ามากำเริบเสิบสานกับภรรยาของผมอีก ซึ่งผมไม่มีทางให้ธุรกิจของเธอเจริญเติบโตขึ้นมาแน่นอน นอกจากตอนแรกเรื่องที่เธอถูกกักขังแล้วกระทบต่อธุรกิจของเธอ บวกกับแรงกดดันของผม เพราะผมปล่อยข่าวออกไป ใครกล้าทำธุรกิจร่วมกับเปรมา ถือว่าประกาศเป็นศัตรูกับผม”
“เธอลงทุนไปเยอะ แต่ทำธุรกิจไม่ขึ้นเลย และสูญเสียสาหัส ถ้าปล่อยเวลาให้ยืดยาวไปอีก เธออาจไม่เหลืออะไรเลย การทำธุรกิจก็เหมือนคลื่นน้ำทะเล ถ้าไม่ระวังก็จะเรือล่ม ก็จะไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลย”
“หลายปีมานี้ หลายบริษัทขึ้นๆ ลงๆ ?”
“แต่สำหรับนฤเบศวร์ ตอนแรกผมโทรไปฟ้องคุณปู่เร็น อาจเป็นเพราะมีคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าผมไม่เอาไหน รู้จักแต่ฟ้องผู้ใหญ่ ไม่รู้จักสั่งสอนเปรมาเพื่อช่วยคุณเอาคืนเธอ แต่การฟ้องครั้งนั้นของผม สิ่งที่ตามมาคือนฤเบศวร์ถูกบังคับให้แต่งงาน โดยแต่งงานกับกนกอรเพื่อนสนิทของคุณ ทำให้เปรมาไม่มีโอกาสที่จะแต่งงานเข้าไปในตระกูลเดชอุปอีก”
“มีคุณปู่เร็นอยู่ บวกกับดึงคุณกนกอรเข้ามา ทำให้นฤเบศวร์มีเรื่องเหนี่ยวรั้งไว้ ส่วนเปรมาก็เคยชินกับการที่นฤเบศวร์รักเธอแบบไร้เงื่อนไข จะไปทนได้ยังไงเมื่อถูกคนอื่นมาแบ่งความรักของเธอไป?ทั้งสองคนทะเลาะกัน ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ยิ่งอยู่ยิ่งลึก จนกระทั่งนฤเบศวร์ตายใจ และที่พึ่งของเปรมก็จะล่มเอง”
“ไม่มีเงิน ไม่มีที่พึ่ง ชื่อเสียงป่นปี้ กลายเป็นตัวตลกของทุกคน สำหรับเปรมาที่อยากเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์และร่ำรวยที่สุดในเมืองแอคเซสซ์แล้ว ก็คือตายทั้งเป็นนั่นเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน