พี่ชายแท้ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
อ่อนโยนเฉพาะอยู่ต่อหน้าเธอเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แข็งทื่อยิ่งกว่าน้ำแข็ง เวลาออกจากบ้านก็พกพาบอดี้การ์ดที่ดุดันออกไปด้วย เมื่อมีคนเห็นมาจากระยะไกลก็ต้องหลบหนีไปก่อนแล้ว อยากจัดการเรื่องชีวิตคู่ ยังไม่รู้ต้องรอถึงปีเดือนไหนเลย
เธอต้องค่อยช่วยพี่ชายสังเกต น้องสาวอย่างเธอต้องเป็นแม่สื่อให้ถึงจะได้
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
ยศพัฒน์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “ได้ พวกเราสองคนออกจากบ้านพร้อมกัน และกลับบ้านพร้อมกัน ต้องทำให้ได้ว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นไปเลย”
“เวลาฉันไปทำงานจะใช้ฐานะภรรยาของคุณไม่ได้ เวลาอยู่ในบริษัท ที่รัก คุณต้องทำเหมือนไม่รู้จักฉัน”
ยศพัฒน์ยิ้ม “ผมแสดงละครไม่เป็นทำยังไงดี?”
“ใครจะไปเชื่อคุณ คุณมันนักแสดงยอดเยี่ยมสิงร่าง ฉันยังเคยถูกคุณหลอกจนหัวหมุนเลย สรุปก็คือ เวลาอยู่ในบริษัทถ้าพวกเราเจอหน้ากัน ฉันเรียกคุณว่าท่านประธาน และคุณก็ห้ามเรียกฉันว่าที่รัก”
“ได้ๆๆ ฟังคุณทุกอย่าง”
ยศพัฒน์กลัวภรรยาสุดที่รักมาคิดบัญชีเก่ากับเขามากที่สุดเลย
“พวกเราออกจากบ้านพร้อมกันทุกวันได้ แต่เมื่อใกล้ถึงบริษัท คุณต้องปล่อยฉันลงรถ ฉันเดินเข้าไปในบริษัทเอง”
เธอแปลงโฉมหน้าไปทำงาน ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของท่านประธาน การปิดบังฐานะที่แท้จริง ถึงจะเข้าร่วมกลุ่มขององค์กรได้ และถึงจะสะสมประสบการณ์ในการทำงานได้บ้าง
“ภรรยาพูดอะไรก็ถูกต้องทุกอย่าง ผมฟังคุณหมด”
สองสามีภรรยาพูดไปด้วยยิ้มไปด้วยแล้วเดินเข้าไปในคฤหัสถ์เมเปิล
“พี่ใหญ่”
เพิ่งจอดรถเสร็จ ยังไม่ทันลงจากรถเลย กษิดิก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
ยศพัฒน์ผลักประตูลงมาจากรถ กษิดิเดินตามเขาแล้วอ้อมรถมา เมื่อมาถึงหน้าข้างคนขับ เห็นพี่ชายช่วยพี่สะใภ้เปิดประตูรถอย่างเอาใจใส่ แถมยื่นมือไปให้พี่สะใภ้พยุงอีกด้วย
กษิดิรู้สึกว่าพี่ชายพี่สะใภ้กำลังสาดความรักโชว์ใส่อยู่ เพื่อประชดเขา
พี่สะใภ้ไม่ใช่ไม่มีมือสักหน่อย และยิ่งไม่ใช่เดินไม่สะดวกอีกด้วย ทำไมถึงต้องให้พี่ชายพยุงด้วย?
ถึงแม้จะรู้สึกว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้สาดความรักโชว์ใส่เขาอยู่ แต่กษิดิก็ไม่กล้าพูดออกมา
“เป็นอะไรอีก?”
เมื่อพยุงภรรยาที่รักลงมาจากรถแล้ว ยศพัฒน์ถึงได้ค่อยๆ ถามน้องชายออกมา
“ทะเลาะกับลินท์อีกแล้วใช่ไหม?”
กษิดิมองพี่ชาย แล้วพูดออกมาอย่างอิจฉาว่า: “พริกขี้หนูคนนั้นทำไมถึงไม่อ่อนโยนและพูดง่ายเหมือนพี่สะใภ้เลย?”
หลังจากที่พี่ชายทำเสร็จในขั้นตอนเดียวแล้ว ก็ไปจดทะเบียนสมรสกันเลย และพี่สะใภ้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย
มาถึงวันนี้ เขากับมิลินท์นอนกันแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมแต่งงานกับเขาสักที
แต่ละวันเขาไม่รู้ขอแต่งงานแล้วกี่ครั้ง แต่มิลินท์ก็ไม่สนใจเขาเลย
กษิดิร้อนรนมากจริงๆ
ถ้ายังขอแต่งงานไม่สำเร็จอีก ท้องของลินท์คงมีกษิดิน้อยแล้วแน่ๆ
เขาไม่อยากให้ลูกชายตัวเองกลายเป็นลูกนอกสมรส
ยศพัฒน์มองบนใส่เขา แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า: “เป็นเพราะนายมีปัญหา ไม่ใช่ลินท์มีปัญหา แกคิดดูดีๆ แกทำตรงไหนได้ไม่ดี”
“อีกอย่าง เรื่องจีบภรรยาแบบนี้ แกต้องพึ่งพาตัวเอง เพราะมันเป็นความสุขของแก แกต้องไปขวนขวายเอง ไม่ใช่เอะอะก็มาหาฉัน ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านความรักสักหน่อย”
อย่ามาเปรียบเทียบกับเขา กว่าเขาจะได้ภรรยามาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
รอมาตั้งสิบเอ็ดปี
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเทวิกาถูกเร่งรัดให้รีบแต่งงานจนรู้สึกรำคาญ เลยมีความคิดไปเช่าแฟนเพื่อรับมือพ่อแม่ เขายังไม่รู้เลยว่าจะรอถึงปีไหนเดือนไหนถึงจะได้แต่งงานกับเทวิกา
กษิดิ: “……พี่ใหญ่ พวกเราพี่น้องสิบคน มีแค่พี่คนเดียวที่แต่งงาน ถ้าไม่หาพี่เพื่อขอประสบการณ์แล้วจะให้ไปหาใคร?ผมมีปัญหาอะไร?ช่วงนี้ผมไม่ได้ทำให้เธอโกรธสักหน่อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงไหนผมทำได้ไม่ดี”
เทวิกาที่ยืนอยู่ด้านข้างฟังพี่น้องสองคนนี้คุยกัน อดไม่ได้ที่จะปิดปากตัวเองแล้วแอบยิ้ม
เธอรู้สาเหตุที่ลินท์ปฏิเสธ แต่เธอไม่อยากบอกกษิดิ เพราะยังไงก็ต้องให้ลินท์ได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกจีบให้ได้
“ยศพัฒน์ ฉันเข้าไปในบ้านก่อน คุณกับกษิดิค่อยๆ คุยกันนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน