คุณชายรองของตระกูลอริยชัยกุลถึงขั้นรู้สึกว่าเวลานานเกินไปด้วยซ้ำ
เขาอดใจรอแต่งมิลินท์เข้าบ้านไม่ไหวแล้ว
แม้ ตอนนี้ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่ความหมายมันไม่เหมือนกัน
กนกอรจึงแสดงความยินดีกับลินท์อีกครั้ง ทั้งยังแสดงความอิจฉาออกมา
กัญณิศาที่อยู่ในกลุ่มสี่คนเงียบไม่ได้ตอบโต้ กนกอรจึง@กัญณิศาในกลุ่มสักหน่อย
สักพัก กัญณิศาก็ตอบกลับ: “ฉันพาพี่สาวทำธุระก่อนนะ”
แต่ไม่ลืมที่จะอวยพรลินท์
อันที่จริงเธอเพิ่งจะรับสายคนของเธอ ซึ่งบอกเธอว่า ลู กค้าผู้ทรงเกียรติอย่างนฤเบศวร์เรียกร้องให้เธอเอาผลการสืบมาให้ด้วยตัวเอง
กัญณิศาเดาว่านฤเบศวร์คงอยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอที่เป็นบอสผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรนักสืบนี้ให้ชัดเจนสินะ
เนื่องจากเธอไม่เคยแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้ใครเห็น ทั้งยังน้อยมากที่จะติดต่อกับลูกค้าโดยตรง แต่ชื่อเสียงองค์กรนักสืบของเธอโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ได้รับการยอมรับจากในเมืองแอคเซสซ์ ทำให้ใครๆก็ไม่กล้าดูถูก
คนภายนอกจึงเกิดความสนใจในตัวบอสที่อยู่เบื้องหลังอย่างเธอ อยากรู้ว่าเธอเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอายุมากหรืออายุน้อย
กัญณิศาคงไม่ไปส่งผลการสืบหาให้นฤเบศวร์อยู่แล้ว
เธอจึงบอกผู้ช่วยสุดเจ๋งของเธอ ให้เขาออกหน้าไปติดต่อกับนฤเบศวร์แทนเธอ ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนก่อตั้งองค์กรนักสืบแห่งนี้ แม้กระทั่งพี่สาวแท้ๆเธอก็ปิดบังเช่นกัน เธอเตรียมคนๆหนึ่งให้ไปติดต่อกับนฤเบศวร์ ส่วนนฤเบศวร์เองก็ไม่รู้ว่าโดนหลอก
นฤเบศวร์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เห็นกนกอรสีหน้าปลื้มใจ จึงยิ้มถาม: “มีข่าวดีอะไรเหรอ? พูดให้ผมฟังมั่งสิ ผมจะได้ดีใจด้วย”
“ลินท์จะแต่งงานแล้ว เธอให้ฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว”
ได้ฟัง ดวงตาดำขลับของนฤเบศวร์ก็เป็นประกาย
กนกอรเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้มิลินท์ เขาก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กษิดิ อย่างนี้ถึงจะเหมาะสมกัน
แต่ เขากับกษิดิไม่สนิทกันสักนิด เพราะความสัมพันธ์ของเขากับยศพัฒน์ คุณชายพวกนั้นของตระกูลอริยชัยกุลจึงคิดเหมือนกับพัฒน์ มองเขาเป็นศัตรูกันหมด
คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะวิ่งไปบอกกษิดิโดยไม่รักษาเกียรติใดๆไว้เลย: “กษิดิ ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้นาย!”
นฤเบศวร์สีหน้าเปลี่ยนไป
เพื่อจีบกนกอร เขาหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“กษิดิโชคดีจริงๆ”
นฤเบศวร์ถอนหายใจ
ได้หญิงสาวมาครอบครองอย่างสบายๆ ทั้งยังท้องแล้วด้วย
กนกอรมองเขา ไม่ได้พูดอะไร
เดลิเวอรี่มาส่งแล้ว
ทั้งสองคนจึงกินอาหารอย่างเงียบๆ
นฤเบศวร์เห็นกนกอรกินอย่างเพลิดเพลิน เขาก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน
ตอนค่ำ การค้าขายของร้านกาแฟก็ไม่มีอะไรพิเศษ
ประมาณสามทุ่ม น้องพนักงานร้านกับลุงตี๋เลิกงานก่อน
กนกอรเห็นไม่มีลูกค้ามา จึงอยากจะปิดร้านเร็วหน่อย
นฤเบศวร์เข้าไปช่วยด้วยความยินดี คิดๆว่ายังไม่ดึก จะได้ชวนกนกอรไปเดตกับเขา
หลังจากปิดร้าน นฤเบศวร์เหมือนกับเล่นมายากล หยิบตั๋วหนังสองใบออกมา พูดกับกนกอร: “เราไปดูหนังกันเถอะ”
“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะไปดูหนังอีก?”
กนกอรขมวดคิ้ว แต่กลับยื่นมือไปหยิบตั๋วหนังมาดู เป็นหนังใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าโรง ทั้งยังได้รับคำชมว่าเป็นหนังที่ดีมากด้วย ถึงจะเป็นหนังสยองขวัญ แต่เธอก็อยากดู
“ดึกที่ไหน เวลานี้ ชีวิตยามค่ำคืนเพิ่งจะเริ่มเองนะ”
สำหรับคนที่กลับบ้านตอนเที่ยงคืนเป็นปกติอย่างนฤเบศวร์ เวลาสามทุ่มกว่านั้น เป็นช่วงเวลาที่เพิ่งเริ่มใช้ชีวิตยามค่ำคืนจริงๆ
หลังจากคิดๆ กนกอรก็ตอบตกลงนฤเบศวร์
นฤเบศวร์จึงยิ้มกว้างขึ้นมาทันที อาการดีอกดีใจของเขาทำให้กนกอรตลก เธออดไม่ได้ที่จะขำออกมา: “ฉันแค่ไปดูหนังเป็นเพื่อนนาย นายก็ดีใจเหมือนได้อะไรยังงั้นแหละ หรือว่า นายไม่เคยไปดูหนังงั้นเหรอ?”
“ผมไม่เคยไปดูหนังที่โรงหนังจริงๆนะ”
บ้านของพวกเขามีโรงหนังของครอบครัว ไม่จำเป็นต้องไปโรงหนังหรอก
อีกอย่าง เมื่อก่อนตอนที่เขาชอบเปรมา เปรมาก็ไม่ยอมไปดูหนังเป็นเพื่อนเขาด้วย
กนกอร: ……
นฤเบศวร์จูงมือของกนกอร กนกกรก็ไม่ได้ขัดขืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน