ผู้ชายคนนั้นเหล่มองยศพัฒน์แวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่ายศพัฒน์ไม่มีการต่อต้านใดๆ ที่จะให้จับมือกับเทวิกา เขาจึงยื่นมือขวาออกไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าต้องการจับมือกับเทวิกา เพื่อแนะนำตนเอง “สวัสดีครับพี่สะใภ้ ผมชื่อเดชวิทย์ เป็นเพื่อนสนิทกับนายพัฒน์”
เทวิกายิ้มพลางตอบทันที “คุณเดชวิทย์เรียกฉันว่าเทวิกาก็พอแล้วค่ะ
เดชวิทย์เหล่มองยศพัฒน์แวบหนึ่ง และยังคงยืนกรานที่จะเรียกเทวิกาว่าพี่สะใภ้
เมื่อไม่สามารถให้อีกฝ่ายเปลี่ยนคำเรียกขาน เทวิกาก็ไม่อยากยืนกรานต่อ
เดชวิทย์พาทั้งสองคนเดินเข้าไป เขาเดินพร้อมทั้งพูดกับยศพัฒน์ “คิดไม่ถึงเลยว่าฉันมีวันที่สามารถให้บริการนายได้ด้วย โชคดีจริงๆ ฉันยังคิดว่าหลังจากที่เปรมาไปต่างประเทศแล้วนายก็จะกลายเป็นคนที่ที่มีหัวคิดครองตัวเป็นโสดเสียแล้วเนี่ย”
เทวิกาหูผึ่งทันที เพื่อฟังคำซุบซิบนินทา
เปรมา? คนที่อยู่ในใจของพี่พัฒน์งั้นเหรอ?
ตอนที่เธอถามเขา ทำไมเขาถึงพูดว่าเขาไม่มีแฟนล่ะ?
ยศพัฒน์ยังไม่ทันตอบ เดชวิทย์ฉุกคิดได้ว่าเทวิกาก็อยู่ด้วย จึงรีบอธิบายกับเทวิกาทันที “พี่สะใภ้ พี่อย่าเข้าใจพัฒน์ผิด เรื่องเขากับเปรมาเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายปีดีดัก ก็แค่ พวกเขาสองคนรักกันตั้งแต่เด็กและเติบโตมาด้วยกัน เปรมาเดินทางไปต่างประเทศเมื่อสิบปีก่อน หลายปีกว่าจะกลับมาสักครั้ง”
เทวิกาหัวเราะพลันตอบกลับเสียงดังลั่น “ฉันไม่สนค่ะ”
เธอว่าจ้างพี่พัฒน์เป็นสามีของเธอ ซึ่งใช้เหตุปัจจัยนี้เพื่ออุดปากคุณแม่สุดที่รัก เพื่อไม่ให้รบเร้าให้เธอไปนัดบอด แถมยังเป็นข้อดีที่ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ
ในส่วนก่อนหน้านี้ยศพัฒน์หรือว่าตอนนี้จะมีคนที่อยู่ในใจหรือไม่ เธอก็ไม่สนใจจริงๆ ผู้ชายที่โดดเด่นเฉกเช่นยศพัฒน์เช่นนี้ ถ้าไม่มีผู้หญิงที่ชื่นชอบอยู่ เธอก็ยังรู้สึกว่ามันผิดแปลกชอบกล
เดชวิทย์เห็นเทวิกาไม่สนใจจริงๆ ถึงถอนหายใจโล่งอก พลางแอบโทษตัวเองปากมาก ที่หลุดปากเอ่ยชื่อเปรมาออกมา
ในกลุ่มแวดวงเพื่อนฝูง ทุกคนต่างรู้ว่าเปรมาเป็นรักแรกของยศพัฒน์ที่โตมาด้วยกัน ยามเมื่อดอกรักผลิบานเปรมาก็ตกหลุมรักยศพัฒน์ พวกเขาล้วนคิดว่าทั้งสองคนจะกลายเป็นคู่ที่มีความสุขคู่หนึ่งเลยทีเดียว
ใครเล่าจะรู้สิบปีก่อน จู่ๆ เปรมาก็เดินทางไปต่างประเทศ ส่วนเหตุผลคืออะไร พวกเขาเคยถามเปรมา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ พอมาถามยศพัฒน์ คำตอบของเขาคือเปรมามีขา เธออยากจะไปไหนก็ไปได้นี่ มันไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับเขา
ตอนที่เดชวิทย์หลุดปากเรื่องเปรมา ยศพัฒน์ชำเลืองมองเทวิกาก่อน สายตาแอบตึงเครียดอยู่เล็กน้อย แต่ความสนใจของเทวิกาไม่ได้สนใจในตัวของเขาเลย และไม่ได้จับความเปลี่ยนแปลงทางสายตาของเขาอีกด้วย
เมื่อเห็นเทวิกาแสดงอาการไม่แยแส ยศพัฒน์แอบถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ถลึงตาใส่เดชวิทย์ตามมาติดๆ แถมยังใช้สายตาตักเตือนเดชวิทย์ ถ้าขืนพูดเพ้อเจ้ออีก เขาจะดึงลิ้นของเดชวิทย์ออก พวกปากยื่นปากยาวจริงๆ ไอ้ผู้ชายปากมาก
เดชวิทย์แอบหัวเราะ เขาแค่เผลอพลั้งพูดไปเท่านั้นเอง ปล่อยเขาไปเถอะ!
ถัดมาติดๆ ถึงแม้เดชวิทย์จะแปลกใจมากเรื่องจุดเริ่มต้นของยศพัฒน์กับเทวิกา แต่ก็ไม่กล้าซักไซ้ให้มากความ เพราะกลัวว่าตนเองจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกไป
ยศพัฒน์อายุยี่สิบเก้าแล้ว และยังไม่เคยมีความรักแบบจริงจังมาก่อน (เปรมาชอบพอเขา แต่ยศพัฒน์ไม่เคยยอมรับถึงความสัมพันธ์แบบคนรักกับเปรมามาก่อน) คนในแวดวงล้วนคิดว่ายศพัฒน์เป็นคนไร้หัวจิตหัวใจ แต่ผลคือเขาจดทะเบียนสมรสโดยไร้ข่าวเล็ดลอดออกมา
ปกปิดได้แนบเนียนมาก!
ภายใต้เดชวิทย์ที่มาเป็นสักขีพยาน ยศพัฒน์กับเทวิกาจดทะเบียนสมรสได้อย่างราบรื่น
เดชวิทย์ยังคิดจะออกไปส่งสองคนที่เพิ่งจะเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ยศพัฒน์ปฏิเสธข้อเสนอของเขา เดชวิทย์จึงพูดกับเทวิกา “พี่สะใภ้ ต่อไปมีเวลาว่างก็มาเที่ยวบ้านผมกับนายพัฒน์นะ ภรรยาผมต้องอยากเป็นเพื่อนกับคุณแน่ๆ เลยครับ”
เทวิกาตอบรับตามมารยาท “ตกลงค่ะ”
“งั้นพวกคุณเดินทางดีๆ ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”
ปากเดชวิทย์พูดว่าไม่ออกไปส่ง แต่ก็ยังทิ้งทวนตบท้าย แถมยังอาศัยจังหวะที่เทวิกาไม่สังเกต แอบต่อยยศพัฒน์เล็กน้อย พร้อมทั้งกระซิบเสียงทุ้มต่ำ “คืนพรุ่งนี้ต้องเลี้ยงข้าวพวกฉันด้วย เรื่องนี้ยังกล้าปิดบังพวกเรา”
ยศพัฒน์กระซิบเสียงต่ำ “พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอผู้ใหญ่ ไม่ว่าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน