กนกอรจ้องมองกันตภณไปครู่หนึ่ง แล้วก็ไปเทน้ำอุ่นมาให้เขาแก้วหนึ่ง แล้วเชิญเขาไปนั่งลง
กันตภณหันไปมองกัญณิศาอีกครั้งหนึ่ง
“ณิศาเป็นเพื่อนสนิทของฉันค่ะ”
กันตภณยิ้มเล็กน้อย “คุณกัญณิศา งั้น ผมขอนั่งตรงนี้ด้วยนะครับ?”
กัญณิศาทำท่าทางเชิญให้เขาทีหนึ่ง
แล้วกันตภณก็ไปนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามกัญณิศา กนกอรกลับไปนั่งที่เดิม แล้วถามอย่างห่วงใยขึ้นมา “เรื่องของพวกคุณสองคนเป็นยังไงบ้างคะ? ที่คุณจะไปจากเมืองแอคเซสซ์เพราะเรื่องงานหรือว่าเรื่องปัญหาด้านความรักคะ?”
ยกแก้วน้ำอุ่นที่กนกอรเทมาให้เขา กันตภณดื่มไปสองคำ เบือนหน้ามองไปทางนอกหน้าต่าง บนถนนมีผู้คนเดินไปเดินมา ทุกคนต่างก็เดินไปข้างหน้าตามเป้าหมายของตัวเอง
บนใบหน้าเขามีแววผิดหวัง แล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ “ผมลาออกจากงานแล้ว คิดว่าพอจากไปแล้วคงจะไม่กลับมาอีก”
“ด้านความรัก พวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน”
กันตภณปรับสายตากลับมา มองไปที่กนกอร แล้วพูดขึ้นอย่างซาบซึ้ง “คุณกนกอร ขอบคุณคุณกับคุณนฤเบศวร์มากนะครับ”
เพราะการกดดันของนฤเบศวร์ แล้วตระกูลศิริวรภูวดลอยากจะรักษากิจการไว้ จึงไม่ได้บังคับให้นิรุตต์เลิกกับเขาอีก แต่ผู้อาวุโสของตระกูลศิริวรภูวดลกลับเปลี่ยนมาโจมตีจิตใจของเขา มาร้องห่มร้องไห้บอกว่าเลี้ยงนิรุตต์ลูกชายคนนี้มา พอเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ พวกเขาก็แก่แล้ว ตอนแรกนึกว่าจะรอได้อุ้มหลาน แต่ปรากฏว่าเพราะเขา นิรุตต์จึงไม่อยากแต่งงานมีลูก
ในขณะเดียวกัน ก็ไปหาญาติของเขา ให้ญาติเขามาช่วยเกลี้ยกล่อมเขา
อยู่ในประเทศ ความรักของเขากับนิรุตต์นั้นไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป คนที่เป็นพ่อแม่ ยิ่งยอมรับไม่ไหว
ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องและพ่อแม่ของนิรุตต์ หรือของเขา ต่างก็ไม่มีทางยอมรับได้ว่าเขาเป็นเกย์ ทุกคนต่างก็พยายามจะลากเขากลับไป ให้เขากลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ
ภายใต้การร้องห่มร้องไห้และโจมตีของญาติทั้งสองฝ่าย ถึงนิรุตต์จะยังปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิม แต่กันตภณก็แบกรับไม่ไหวแล้ว
เขาตัดสินใจ จะจบความสัมพันธ์ของเขากับนิรุตต์ ลาออกจากงาน ไปจากเมืองแอคเซสซ์ แล้วไม่พบกับนิรุตต์อีกตลอดชีวิต เขาจะเปลี่ยนไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขา แล้วพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดูซิว่าจะสามารถกอบกู้ตัวเองกลับมาได้ไหม จะสามารถก้าวไปใช้ชีวิตแบบผู้ชายปกติได้ไหม?
เขาไม่อยากให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่าเป็นกังวล และร้องไห้อีก
“ในเมื่อความรักไม่มีปัญหา แล้วทำไมต้องจากไปด้วย? แถมยังลาออกจากงานอีก”
กนกอรไม่เคยรังเกียจกันตภณ เธอรู้ว่ากันตภณเสียสละเพื่อนิรุตต์ไปมากเท่าไหร่ พอตอนนี้มาได้ยินกันตภณบอกว่าจะจากไป แล้วจะไม่กลับมาอีก ก็รู้สึกว่าไม่คุ้มแทนกันตภณ
“คนบ้านตระกูลศิริวรภูวดลแอบมากดดันคุณอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?”
กันตภณยกแก้วน้ำขึ้นมาอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ ดื่มน้ำในแก้วไป และไม่กล้าสบตากับกนกอร เพราะกลัวว่ากนกอรจะมองความเจ็บปวดและความเสียดายในใจเขาออก
ผ่านไปนาน เขาถึงจะพูดขึ้นว่า “พวกเราจะเห็นแก่ตัวกันแบบนั้นไม่ได้ เพื่อจะวิ่งตามรักแท้ของตัวเอง แล้วละเลยสภาพจิตใจของพ่อแม่ที่แก่เฒ่าไป พวกเขาอยากจะอุ้มหลาน ผม……ผมไม่ปัญญาทำให้พ่อแม่ของรุตต์ได้อุ้มหลานได้”
“ญาติพี่น้องของผมก็มาร้องห่มร้องไห้ และเกลี้ยกล่อมต่าง ๆ นานา คุณกนกอร ถึงแม้ว่าผมกับรุตต์จะรักอีกฝ่ายมาก แต่พวกเราต่างก็มีความรับผิดชอบของตัวเอง เขาไม่มีทางทอดทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปกับผม ความรักที่ไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่และญาติพี่น้อง ความรักที่ถูกสังคมรังเกียจ สิ่งที่ต้องเผชิญ สิ่งที่ต้องแบบรับ มันเยอะมาก เยอะมากจริง ๆ”
“ดังนั้น คุณจึงอยากยอมแพ้? คุณนิรุตต์รู้เรื่องไหมคะ? ถ้าคุณจะจากไป ยังไงก็ควรจะบอกลาเขาสักหน่อยนะคะ”
กันตภณถอนหายใจไปคำหนึ่ง “ไม่ล่ะครับ การจากลา ยังไงก็เศร้าเสียใจ ถ้าจะให้เขาทนเห็นผมจากไปเฉย ๆ ไม่สู้ให้ผมจากไปแบบเงียบ ๆ ดีกว่า อย่างน้อย เขาก็ไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่กระชากใจของการจากลา”
กนกอรไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีแล้ว
ความรักของกันตภณกับนิรุตต์นี้ รู้สึกว่ากันตภณมักจะเสียสละเยอะกว่า และเขาก็มักจะเป็นฝ่ายถอย เป็นฝ่ายเสียสละ
“คุณวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
กันตภณพยักหน้าเล็กน้อย “คุณกับคุณเบศวร์ช่วยผมไว้เยอะมาก ก่อนที่จะจากไป ผมจึงอยากมาบอกลาคุณสักหน่อย เส้นทางในยุทธภพยังอีกยาวไกล ต่อไปถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีก”
เขาวางแก้วน้ำลง แล้วลุกขึ้นมา แล้วอวยพรให้กนกอรอย่างจริงใจ “คุณกนกอร ขอให้คุณกับคุณเบศวร์รักกันจนแก่เฒ่า ไม่ว่าผมจะไปถึงไหน ผมก็จะอวยพรอยู่ในใจขอให้คุณกับคุณเบศวร์มีความสุขสมบูรณ์ตลอดไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน