ออกมาจากร้านขายชุดราตรีแล้ว พวกบอดี้การ์ดก็หิ้วของเต็มไม้เต็มมือ พวกเขาเอาถุงที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็ม ไปไว้ที่รถ
เห็นท่าทางของคุณหนู ยังอยากจะซื้อของอีกมากมาย
เทวิกาควงแขนแม่อยู่ สองคนแม่ลูกเดินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง อารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างสดใสในตอนนี้เสียอีก
“แม่คะ แม่อยากซื้ออะไร พวกเราก็ไปซื้อกัน”
ญาณินยิ้มอย่างอ่อนโยน พูดว่า “แม่ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ลูกจะซื้ออะไรก็ซื้อเถอะ”
สำหรับลูกสาวที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องที่เอาเปรียบของน้องสะใภ้ทั้งสองคนนั้น ญาณินหัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรให้เห็น
ลูกสาวคนนี้แม้จะบอกว่าเติบโตที่บ้านตระกูลวาชัยยุงอย่างมีความสุข ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ความจริงแล้วก็เป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ใจหนึ่งก็อยากจะออกตัวแทนเธอ จะปล่อยอาสะใภ้ทั้งสองคนมาเอาเปรียบได้อย่างไรกัน
ญาณินกล้าบอกให้เทวิกาเรียกอาสะใภ้ออกมาเดินช้อปปิ้งซื้อของ ก็คืออยากจะให้อาสะใภ้ทั้งสองคนนั้นอกแตกตาย
คุณไม่เห็นหรือว่า ตอนนี้สีหน้าของทั้งสองคนดำเสียยิ่งกว่าเปาบุ้นจิ้นเสียอีก
“ตอนหนูกลับมา ก็เอากระเป๋ามาแค่ใบเดียว ตอนนี้สถานภาพของพวกเราเป็นแบบนี้แล้ว มีชื่อเสียงก็ต้องมีกระเป๋าสะพายสักใบ ถูกเกินไปก็ไม่ได้ ไม่สมฐานะของพวกเรา แม่คะ ตอนนี้เราไปซื้อกระเป๋ากันเถอะค่ะ”
ญาณินตอบอย่างตามใจว่า “ได้จ้ะ”
ความจริงแล้ว เธอเองก็มีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่หนึ่งห้อง แต่ในเมื่อลูกสาวอยากซื้อ เธอก็ไม่ขัดความต้องการของลูกสาว
“รออีกเดี๋ยวพวกเราค่อยไปดูรถ ปกติหนูกับยศพัฒน์ออกจากบ้าน ก็ต้องใช้รถ ถ้ามีรถเป็นของตัวเอง ก็จะสะดวกขึ้นมาก” ก็คือ เธอไม่ได้จับพวงมาลัยมานานมากแล้ว
นับตั้งแต่ครั้งนั้นให้วิกาขับรถแล้ว แม้แต่พวงมาลัยยศพัฒน์ก็ไม่ให้เธอจับอีกเลย
พูดให้พังดูดีอย่างมากว่า เธอเป็นคุณนายน้อยอริยชัยกุลแล้ว มีคนขับรถรับส่งโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ให้เขาเป็นคนรับส่งเธอด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้เธอขับรถเอง
ความจริง เขากลัว กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนที่เธอขับรถ
เอาเถอะ
เทวิกายอมรับว่าตนเองชอบขับรถเร็ว ทำให้ยศพัฒน์ตกใจจนสองขาสั่นจริงๆ เพื่อให้สามีสบายใจ เธอจึงได้แต่เชื่อฟังไม่ขับรถอีก แต่ก็ต้องซื้อรถยนต์ให้สามีสักคัน
ลูกเขยของตระกูลสาระทาจะไม่มีรถยนต์หรูเป็นของเขาเองสักคันได้อย่างไรกันล่ะ
“ได้จ้ะ”
ไม่ว่าเทวิกาจะพูดอะไร ญาณินก็เห็นดีเห็นงามหมด
บ้านตระกูลสาระทามีโรงรถหลายโรง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่โรงจอดรถหลักของบ้าน ก็มีรถหรูจอดอยู่หลายคัน ความจริงแล้ว ยศพัฒน์จะเอารถยนต์คันไหนในโรงจอดรถไปใช้ก็ได้ แต่เทวิกาก็อยากจะใช้เงินของคุณย่าตระกูลสาระทา
ทำให้คนอื่นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ เธอก็จะใช้เงินให้เต็มที่
คุณย่าได้รับข้อความการใช้เงินผ่านบัตรธนาคารไม่หยุด คาดว่าคงจะหน้ามืดไปเลย
ฮ่าๆๆ!
เทวิการู้ว่าคุณย่ามีความคิดที่จะชดเชยให้เธอ และก็อยากจะใช้วิธีการชดเชยนี้ ว่าจะเอาใจเธอให้มาเป็นพวกเดียวกันได้หรือเปล่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเธอก็ไม่เกรงใจแล้ว
คุณย่าจะให้ของดีๆกับเธอมากแค่ไหน เธอก็รับไว้หมด
ไม่เอา ก็โง่นะสิ!
“อาสะใภ้รอง อาสะใภ้สาม ฉันอยากจะซื้อกระเป๋าสักสองสามใบ พวกคุณรู้จักร้านขายกระเป๋าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซูเพร่ามั้ย”
เทวิกาอมยิ้มหันหน้ามาถามคุณนายทั้งสอง
คุณนายสามไม่พูดว่าอะไร คุณนายสองฝืนยิ้มออกมา พูดว่า “แถวนี้มีแต่ร้านขายกระเป๋า คุณเดินไปข้างหน้า ก็คือร้านแอเมสแล้ว”
“ขอบคุณอาสะใภ้รอง”
เทวิกายิ้มเอ่ยขอบคุณ พร้อมควงแขนแม่ เดินต่อไปข้างหน้า
คุณนายสองลากคุณนายสามไป ทั้งสองจงใจเดินให้ช้าลง เพื่อรักษาระยะห่าง คุณนายสองพูดว่า “คุณแม่ก็ช่างลำเอียงจริงๆ พอวิกากลับมา ก็ให้แบล็กการ์ดกับเธอ พวกเรายังไม่ได้เห็นด้วยซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน