“แม่ พูดด้วยความสัตย์จริง ถ้าหนูกล้ารังเกียจแม่ ขอให้ฟ้าผ่าห้าครั้งเลย”
เทวิกาเรียกร้องความเป็นธรรม
พิชญ์สินีจ้องมองเธอ
เทวิกาพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง “แม่ พูดจริงๆ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้โกหกแม่ หนูกับแม่แท้ๆ ของหนูแอบถูกพ่อหนูส่งตัวกลับมา ตอนนี้ที่เมืองซูเพร่ามีเทวิกาหนึ่งคนญาณินหนึ่งคน แต่เป็นตัวปลอมหนูและแม่แท้ๆ ของหนู”
“พัฒน์มีบางอย่างปิดบังหนู หนูก็กำลังโกรธเขาอยู่”
ได้ยินดังนั้น พิชญ์สินีก็นิ่งเงียบ เธอคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “แม่เคยได้ยินพี่ชายลูกพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ตระกูลสาระทาของพวกเธอนิดหน่อย อาจจะกำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ ก็ได้ วิกา หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ลูกกับแม่แท้ๆ ของลูกนั่งรถพี่ชายลูกกลับเมืองไปอยู่ที่บ้านสามีลูกนะ ที่นั่นปลอดภัยกว่าที่บ้านแม่”
เทวิกาคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “แม่ ไม่ต้องกังวลค่ะ หนูจะอยู่บ้านสักระยะหนึ่ง อยู่เป็นเพื่อนพวกคุณให้เต็มที่ ถึงพ่อหนูจะเตรียมการไว้แบบนี้ แสดงว่าต้องเก็บเป็นความลับอย่างดี ที่เมืองซูเพร่า มีตัวปลอมฉันกับแม่หนูอยู่ คนอื่นคงไม่คิดว่าสองแม่ลูกกลับมาที่เมืองแอคเซสซ์แล้ว”
“ตอนนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แค่อยู่ในเมืองแอคเซสซ์ก็ปลอดภัยทั้งนั้น”
หยุดไปสักพัก เธอก็พูดขึ้น “หนูเป็นห่วงพัฒน์ เขาไม่ปรึกษาหนูเลย ช่วยพ่อหนูทำเรื่องนี้ เขาทำโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ยังไง นั่นมันเรื่องของครอบครัวหนูนะ!”
เธอเป็นห่วงทั้งคุณพ่อ ทั้งเป็นห่วงสามี
ไม่ว่าจะเป็นใคร เธอก็อยากให้สบายดีทั้งนั้น
พิชญ์สินีถอนหายใจ “พัฒน์รักลูกมาก เห็นชีวิตลูกสำคัญกว่าชีวิตเขาอีก วิกา อย่าไปคิดมาก ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ถ้าลูกกับแม่แท้ๆ ของลูกอยากกลับเมืองซูเพร่า แม่……ก็จะสนับสนุนลูก!”
“ลูกกับพัฒน์เป็นสามีภรรยากัน ควรร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันอยู่แล้ว ใช้คำพูดของลูก นั่นมันเรื่องในครอบครัวพ่อแม่แท้ๆ ของลูก พัฒน์แยกลูกออกไป ถึงจะปกป้องลูก ลูกก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี”
“แต่วิกา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อันดับแรกต้องปกป้องชีวิต เรื่องอื่นสิ่งนอกกาย ถ้ารักษาชีวิตได้ ทุกอย่างที่สูญเสียไปยังสามารถแย่งคืนมาได้”
เทวิกาอดไม่ได้ที่จะกอดแม่บุญธรรม ในขณะที่ตื้นตันใจ เสียงก็ยิ่งสะอึกสะอื้น “ค่ะแม่ ถ้าหาก……เกิดอะไรขึ้นมา พวกคุณต้องทำเป็นไม่เคยเก็บลูกสาวอกตัญญูอย่างหนูมาเลี้ยงนะคะ ถ้าชาติหน้ามีจริง หนูยอมเป็นลูกสาวแท้ๆ ของแม่ แล้วตอบแทนพวกคุณตลอดชีวิต”
“โถ่ พระเจ้าอวยพรนะ รีบบ้วนน้ำลายก่อนค่อยพูด”
พิชญ์สินีผลักลูกสาวออกทันที ตำหนิที่ลูกสาวพูดจาซี้ซั้ว “แม่เคยช่วยลูกดูดวงมาก่อน ดวงบอกว่าลูกมีชีวิตร่ำรวย มีบุพเพสันนิวาสที่ดี สามีภรรยารักกันจนแก่เฒ่า ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง”
“ต่อไปห้ามพูดแบบนี้อีก แม่ไม่ชอบฟัง จับไก่กัน ลูกดูว่าตัวไหนอ้วนสุดก็จับตัวนั้น ตัวที่น่องใหญ่หน่อย”
เทวิกาเช็ดน้ำตาขณะที่ตอบไปด้วย “งั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ หนูชอบไก่ที่เลี้ยงธรรมชาติมากกว่า เนื้อไก่มันอร่อยเป็นพิเศษ”
ที่ตระกูลสาระทา ทุกวันทานแต่อาหารอันโอชะ แต่ที่เธอคิดถึงยังคงเป็นอาหารบ้านๆ ในตระกูลวาชัยยุง
“แน่นอนอยู่แล้ว ไก่ที่เลี้ยงธรรมชาติอร่อยกว่าไก่ที่เลี้ยงแบบปิด ลูกอยากกินไก่ต้มสับหรือไก่ย่าง?”
“ไก่ต้มสับดีกว่า ชาวเมืองแอคเซสซ์อย่างเราชอบกินไก่ต้มสับ”
พิชญ์สินีตอบ “ได้”
สองแม่ลูกจับไก่ตัวใหญ่ที่สุดกลับห้องครัวไปเชือด
ญาณินไม่รู้สิ่งที่สองแม่ลูกคุยกันที่ลานบ้าน หลังจากได้ยินสองแม่ลูกคุยกันในครัว เธอจึงเดินมาดู เห็นเทวิกาช่วยแม่บุญธรรมฆ่าไก่อย่างชำนาญ ดวงตาญาณินเกิดความอ่อนโยน
ลูกสาวใช้ชีวิตในตระกูลสาระทา ดูมีความสุขมาก ตอนนี้เกิดการเปรียบเทียบ ญาณินก็รู้ว่าวิกาชอบชีวิตที่บ้านตระกูลวาชัยยุงมากกว่า
ยังไงมันก็เป็นสถานที่ที่เธอใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปี
……
ณ One Day In Coffee
กัญณิศานั่งตำแหน่งประจำวันของเธอ หยิบช้อนมาคนกาแฟในแก้ว สายตามองไปที่วิวถนนนอกหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน