วันที่ดูเหมือนจะสงบสุข ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนที่อยู่ท่ามกลางพายุ แม้ว่าภายนอกจะดูเงียบสงบ แต่ข้างในกลับรู้สึกกระวนกระวาย มีแต่คนภายนอกเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ
ยกตัวอย่างเช่นกนกอร เธอไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องของตระกูลสาระทา และไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทได้แอบกลับมาเมืองแอคเซสซ์อย่างเงียบๆ แล้ว
เธออยู่ที่ร้านเก็บเงินทั้งวัน ถึงแม้จะไม่ได้เก็บเงินจนเมื่อยมือ แต่ก็ดีใจมีความสุขมาก
หลังจากที่เพื่อนรักออกไปจากเมืองแอคเซสซ์แล้วไปที่เมืองซูเพร่า ถึงเคยเป็นกังวลกลัวว่ายอดขายในร้านกาแฟจะลดลง โชคดี ที่ควบคุมได้ ยอดขายไม่ได้ลดลง กลับดีขึ้นกว่าเก่า ร้านใหม่ข้างๆ เริ่มพร้อมใช้งานได้แล้ว
คนส่วนใหญ่ชอบมาสั่งกาแฟที่นี่ และสั่งของกินเล่นสองสามอย่าง จากนั้นไปเลือกหนังสือสองสามเล่มที่ตัวเองชื่นชอบที่ชั้นวางหนังสือ แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะ ฟังเพลงไพเราะสบายๆ ดื่มกาแฟ ทานของว่างอย่างมีความสุข
ตอนค่ำ นฤเบศวร์มารับภรรยาที่รักกลับบ้านอย่างตรงเวลา
เขาถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ลงมาจากรถเหมือนปรกติ เพื่อนบ้านใกล้เคียงแถวนั้น ต่างเห็นจนเคยชินแล้ว แม้แต่ลูกค้าประจำของร้านกาแฟ ก็ไม่รู้สึกเป็นเรื่องแปลกใหม่แล้ว
สิ่งเดียวที่รู้สึกทึ่งมากก็คือคุณนฤเบศวร์รักและตามใจกนกอรมาก จะส่งดอกไม้ให้เธอหนึ่งช่อทุกวัน ทำให้คนอื่นรู้สึกอิจฉามาก
“อร”
นฤเบศวร์ถือดอกไม้เข้ามาในร้าน เดินยิ้มเข้าไปมาหาภรรยาที่นั่งอยู่หน้าเคาร์เตอร์ ยื่นดอกไม้ออกไปก่อน และหลังจากที่กนกอรรับดอกไปไปแล้ว เขาได้ถามออกมาอย่างเป็นห่วงว่า: “เหนื่อยไหม?”
“นั่งเก็บเงินอย่างเดียว ไม่เหนื่อยหรอก”
กนกอรก้มหน้าดมกลิ่นหอมของดอกไม้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตัวเอง ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า: “ไม่ต้องไปกินเลี้ยงเหรอ?”
“ผมปฏิเสธไปหมดแล้ว อีกสักระยะหนึ่ง ผมก็สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ทุกวันแล้ว”
ใกล้ถึงงานแต่งของพวกเขาสองคนแล้ว มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องให้เขาไปทำ ส่วนเรื่องในบริษัทก็มอบหมายให้นฤเบศวร์ดูแลไปก่อน
กนกอรยิ้ม
นี่คงเป็นเรื่องที่นฤเบศวร์คาดหวังมากที่สุด ก็คือเป็นเหมือนหมากฝรั่ง แนบติดตัวเธอไว้ทุกวัน
“ที่รัก พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”
กนกอรมองไปรอบๆ สำรวจดูลูกค้าในร้าน แล้วตอบอืมออกมา จากนั้นเก็บของ อุ้มช่อดอกไม้ขึ้นมา แล้วถือกระเป๋าของเธอ เดินอ้อมออกมาจากเคาร์เตอร์ พูดกับพนักงานในร้านเสร็จ ก็ถูกนฤเบศวร์กอดไว้แล้วพาเธอเดินออกมาจากร้าน
“ที่รัก ผมซื้อกระเป๋าให้คุณตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมคุณไม่ใช้เลย?”
นฤเบศวร์สังเกตเห็นกระเป๋าที่ภรรยาเขาใช้ทุกวันยังคงเป็นกระเป๋าใบเก่าที่เธอเคยใช้ ซึ่งไม่มีค่าอะไรเลย
“หรือว่ากระเป๋านี้มีคุณค่าอะไรกับคุณเป็นพิเศษเหรอ?”
“ไม่มีคุณค่าพิเศษอะไรหรอก ฉันก็แค่ใช้มันชนเคยชินแล้วเท่านั้นเอง ฉันไม่มีอะไรจะใส่ มีแต่กุญแจรถกับโทรศัพท์ กระเป๋าใบนี้ก็พอแล้ว”
เธอท้องแล้ว ใช้เครื่องสำอางไม่ได้ ดังนั้นกระเป๋าของเธอจึงไม่มีเครื่องสำอาง
“แต่ว่าผมรู้สึกว่าที่คุณไม่ได้ใช้กระเป๋าที่ผมซื้อให้ เพราะไม่ได้เห็นผมอยู่ในสายตา คนอื่นจะคิดว่าผมเป็นคนขี้เหนียว ไม่ยอมซื้อกระเป๋าดีๆ ให้คุณ”
“ปากขึ้นอยู่บนตัวคนอื่น แล้วแต่เขาจะพูดยังไง”
นฤเบศวร์ช่วยภรรยาเปิดประตูอย่างเอาอกเอาใจ “พรุ่งนี้ใช้กระเป๋าที่ผมซื้อให้ ใส่เสื้อผ้าที่ผมซื้อให้ กิ๊บติดผม และเครื่องประดับ ต้องใช้หมด ส่วนแหวนแต่งงานห้ามถอดออกเด็ดขาด”
“รู้แล้ว ขี้บ่นจังเลย ฉันสงสัยว่าคุณเป็นวัยทองก่อนอายุ”
นฤเบศวร์ขึ้นรถ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ ฟังเสียงบ่นของเธอ เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วพูดออกมาอย่างรักใคร่ว่า: “ผมไม่ได้เป็นคนขี้บ่น แต่เป็นเพราะคุณต่างหาก ผมถึงกลายเป็นแบบนี้ คุณทำให้ผมกลายเป็นผู้ชายแก่ที่ขี้บ่น คุณต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”
กนกอรยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ “ได้ ฉันรับผิดชอบให้ถึงที่สุด รับผิดชอบคุณทั้งชีวิต”
“จะไปนั่งที่บ้านแม่ของคุณก่อนไหม?”
“ถ้าไปแล้ว คุณแม่ก็ต้องชวนพวกเรากินข้าว คุณยอมกินข้าวที่บ้านฉันไหมหล่ะ?”
“แม่ยากชวนผมกินข้าว ผมต้องให้เกียรติกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว”
กนกอรหันไปมองเขา “ถ้าคุณอยากไปก็ไปกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน