เมื่อนายท่านจูนเห็นเขาก้าวยาวๆไปยังห้องหนังสือ ไม่สนใจตัวเองเลยสักนิด ก็โมโหจนอยากถือไม้เท้าไปเขกหัวหลานทรพีนี่สักที
“ดูมัน!ดูไอ้เด็กเปรตนี่มันทำ!!”
“นายท่าน คุณชายเพิ่งกลับมาจากอเมริกา นายท่านอย่าเพิ่งไปบังคับเขาให้ดูตัวเลยครับ…..” พ่อบ้านเอ่ยแนะนำกลั้วยิ้ม
นายท่านจูนถลึงตา “ฉันจะรีบไม่ได้หรือไง ฉันมีมันเป็นหลานแท้ๆแค่คนเดียวนะ ไอ้เวรนี่ใกล้จะสามสิบแล้ว แฟนสักคนก็ยังไม่มี แล้วแบบนี้เมื่อไหร่มันจะมีหลานให้ผม!”
บนโต๊ะในห้องรับแขกมีรูปภาพคุณหนูตระกูลไฮโซวางอยู่เรียงราย นายท่านจูนเตรียมทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี กะว่าพอจูนจือมู่กลับมาจากอเมริกาก็ให้เขาไปดูตัว และรีบๆมีหลานให้ตัวเอง
“คุณชายไม่ค่อยชอบผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนะครับ…..”พ่อบ้านเองก็มีสีหน้ากังวล
ตระกูลจูนอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เงียบเหงาเป็นอย่างมาก ถึงในบ้านจะมีคนใช้เป็นร้อยๆคน แต่กลับมีแค่นายท่านและคุณชายเท่านั้นที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะอย่างนั้นนายท่านเลยเอาแต่คอยจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องแต่งงานของคุณชายมาตลอด
นายท่านจูนมีสีหน้าอึมครึม พร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ “เด็กเวรนั่นวันๆเอาแต่ต่อต้านผม อยู่ต่างประเทศตั้งนานไปเรียนรู้อะไรไม่ดีมาบ้างก็ไม่รู้ ถ้ามันกล้าชอบพอกับเพศเดียวกัน ผมตัดกระจู๋มันทิ้งแน่!”
พ่อบ้านมองมายังนายท่านจูน พร้อมกับส่ายหัวยิ้มๆ
แม้ว่าคุณชายจะเย็นชากับผู้หญิง แต่ก็ไม่ถึงกลับหันไปชอบผู้ชายด้วยกันหรอกมั้ง
“นายท่าน งานเลี้ยงตระกูลจูนเดือนหน้า ต้องมีคุณหนูในแวดวงมาหลายคนแน่ๆ ถึงตอนนั้นค่อยให้คุณชายเลือกคนที่ถูกใจก็ได้นะครับ…..”
เมื่อนายท่านจูนนึกถึงเรื่องงานเลี้ยง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงแก่โรยราตามวัยออกคำสั่งอย่างดุดันว่า
“งานเลี้ยงจัดให้ยิ่งใหญ่ แจ้งไปว่า ลูกสาวบ้านไหนมัดใจเด็กเวรอย่างจูนจือมู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ฉันก็จะยอมรับเป็นหลานสะใภ้…..”
ไม่ทันไรเวลาก็เดินล่วงเลยถึงปลายเดือนแล้ว อากาศกำลังหนาวจัดพอดี อีกแค่ไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว
โคมไฟสีแดง ส่องแสงสว่างตามสองข้างทาง รอบด้านต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศปีใหม่
เฉียวป่าวเอ๋อร์กลับนั่งอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เธอมีท่าทางเซื่องซึม มือขวาเอาแต่คนกาแฟที่เย็นชืดไปแล้วอย่างเหม่อลอย
หลังจากวันที่ได้เห็นยี่ซือเฉินกับเย่เชี่ยนทำบัดสีบัดเถลิงกันในวันนั้น เธอก็กลับมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ใช้ชีวิตในแต่ละวันหลบอยู่แต่ในคอนโดเล็กๆ เธอจึงพลอยหมดอารมณ์เฉลิมฉลองเทศกาลอันน่ายินดีไปด้วย
เฉียวป่าวเอ๋อรใช้มือขวาลูบหน้าผาก น่าจะเป็นหวัดแน่ๆ ตัวถึงได้ร้อนและรู้สึกปวดหัวแบบนี้
เธอเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ เตรียมที่จะกลับไปหลับที่คอนโดสักงีบ แต่ว่าในตอนที่คลำหากระเป๋า เฉียวป่าวเอ๋อร์ก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา ด้วยสีหน้าซับซ้อน
จู่ๆก็นึกถึงคืนที่นอนกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นที่ไนท์คลับขึ้นมาได้ เธอเร่งรีบออกมา จนลืมหยิบกระเป๋าและเสื้อผ้าตัวเองติดมือมาด้วย ซึ่งในกระเป๋ามีทั้งใบขับขี่และบัตรประชาชน
“น่ารังเกียจ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนี้ หัวใจรอคอย