เขาไม่อยากหาสาเหตุของมัน
…………
วันรุ่งขึ้น
ยามแสงแรกของดวงอาทิตย์ทะลุผ่านกระจกใสเข้ามาข้างในเธอก็ตื่นพอดี เมื่อคืนนอนคว่ำหน้าตลอดคืน พอลืมตาขึ้นลองขยับคอเล็กน้อยแต่กลับปวดเสียเหลือเกิน
ของตกใส่หัวไม่เบาเลยถึงทำให้ตอนนี้ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง
เผลอกวาดมองรอบห้องที ข้างในนี้ไม่มีใครสักคน
แววตาเธอหม่นลงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเอง
เธอกำลังผิดหวังอะไร? หรือคิดว่าทันทีที่ลืมตาจะเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงหัวเตียงอย่างคราวก่อนหรือ? วันนั้นเธอกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขาจนถึงขีดสุด บางทีเขาคงกำลังคิดว่าเธอทำตัวเองทั้งนั้น
ขณะที่กำลังคิดเหลวไหล ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเคาะดัง
“เข้ามา” ไป๋ซู่เย่คิดว่าเป็นพยาบาล นิ่งค้างไปชั่วอึดใจเมื่อเห็นคนหน้าประตู
อาจเป็นเพราะแผลที่เกิดขึ้นตอนพังประตูเมื่อคืน หน้าเขายังมีผ้าก๊อซแปะอยู่
“อรุณสวัสดิ์” เธอไม่คิดว่าเย่เซียวจะมาเช้าขนาดนี้จึงรีบลุกกึ่งนั่งกึ่งนอน ยังเวียนหัวอยู่หน่อยๆ ยกมือนวดขมับ หัวคิ้วชนกัน
“ถ้าเจ็บก็อย่าขยับตัว” น้ำเสียงเย่เซียวเย็นชาเช่นเดิมไม่มีอารมณ์ขึ้นลงไปมากกว่านั้น เขาเดินเข้าไปโน้มตัวดึงหมอนสอดหลังเธอ ความใกล้ชิดทำให้ใบหน้ามุมข้างเขาตกอยู่ในกรอบสายตา เย็นยะเยือกไม่เปลี่ยนแต่กลับเพิ่มความอบอุ่นแก่หัวใจเธออย่างน่าแปลก
เธอรู้สึกว่าตัวเองใช้ไม่ได้เลย เธอลืมเรื่องที่เขาใช้ความรุนแรงกับเธอเมื่อคืนไปแล้วหรือ?
“ขอบคุณ” หลังกล่าวขอบคุณไปเธอก็เบี่ยงหน้าหันหนีไม่มองเขาอีก ไม่อนุญาตให้ตัวเองจมปลักกับความอบอุ่นเพียงชั่วคราวนี้ มันไม่มีผลดีอะไรหรอก “คุณมาหาฉันเพราะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อคืนรีบกลับไปขนาดนั้น เช้านี้มาเร็วอย่างนี้ คิดว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญ
เย่เซียวล้วงโทรศัพท์มาจากกระเป๋าให้เธอด้วยใบหน้าเกร็งแน่นและเรียบตึง ไป๋ซู่เย่ดูพบว่าเป็นโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่โรงแรมเมื่อคืน อีกทั้งพอเปิดออกมีสายที่ไม่ได้รับจากอวิ๋นช่วนอีกสิบกว่าสาย
นึกถึงเมื่อคืนไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคราวหลังจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร คิดว่าต้องอึดอัดมากแน่ๆ
“ดูเหมือนว่าเขาจะตามจีบคุณไม่ห่างเลยนะ” จากน้ำเสียงเย่เซียวฟังไม่ออกว่าดีหรือร้าย สายตานิ่งจ้องมองเธอ
เธอไม่ได้ตอบเพียงแค่สอดโทรศัพท์ใส่ใต้หมอน เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ไม่คิดจะโทรกลับ หรือเห็นว่าผมอยู่นี่เลยรู้สึกผิด?”
เขาพูดจิกแทบทุกคำ
“โทรศัพท์ก็ส่งถึงที่แล้ว ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรไปทำงานเถอะ ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบคำถามเขาแต่กลับออกปากไล่อีกคนแทน
น้ำเสียงราบเรียบอย่างมาก
แต่ยิ่งเรียบแบบนี้ยิ่งทำให้เขาคุกรุ่นในใจ
“คุณไม่อยากเห็นผมขนาดนั้นเลย?” เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชา เลิกผ้าห่มบนตัวเธอออก “ไป๋ซู่เย่ คุณยิ่งไม่อยากเห็นผมมากเท่าไหร่ ผมจะยิ่งไม่ให้คุณได้สมใจ”
“คุณทำอะไร?” ไป๋ซู่เย่เกิดลนชั่วขณะ มือเผลอกำผ้าห่มแน่นโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางต่อต้านของเธอเขาเห็นมันทุกอย่างจนเจ็บแปลบที่หัวใจแวบหนึ่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ นึกถึงที่ถังซ่งพูดว่าหากใช้กำลังความรุนแรงกำราบผู้หญิงบนเตียง มีแต่จะสร้างความหวาดกลัวและเกลียดชังแก่เธอ
ส่วนผู้หญิงคนนี้…ความจริงแม้แต่พละกำลังยังกำราบไม่ได้…
“คิดว่าผมจะทำอะไรคุณอีกหรือไง?” เย่เซียวดึงผ้าห่มโยนลงพื้น “คุณสบายใจได้ เมื่อคืนทำพอแล้ว ร่างกายของคุณไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดมากอย่างที่คิด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!