ตลอดช่วงบ่ายเธอรอคอยเงียบๆ ในห้อง ปืน อาวุธอย่างเช่นยาชา ถูกหยิบออกมาจากช่องเก็บกระเป๋าเดินทาง ของพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่อาเช่อเตรียมไว้ให้เธอทันทีที่มาถึงเมืองเยียว จึงยังใช้ปืนได้ไม่คล่องมือเท่าไร
แต่ว่า…
น่าจะไม่ได้ใช้ ก็ไม่สนใจแล้วว่าจะคล่องมือหรือเปล่า
เมื่อกริ่งหน้าประตูดังขึ้นดึงสติเธอกลับมา หยิบเสื้อผ้าลวกๆ คลุมอาวุธบนโต๊ะไว้ถึงไปเปิดประตู
ฉงนใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยจากตาแมวของประตู
“นายมาได้ยังไง?” เปิดประตู ไป๋หลางยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“คุณบอกว่าจะเอาบัตรเชิญไม่ใช่เหรอ?” ไป๋หลางเข้ามาแล้วส่งบัตรเชิญให้เธอ
“ฉันก็ไม่ได้บอกให้นายมานี่นา”
ไป๋หลางมองเธออย่างจริงจังแวบหนึ่ง “ผมเป็นห่วงคุณจะเป็นอะไรไป”
ไป๋หลางตาวาววับชั่ววูบแต่นั่นเกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น ทันใดนั้นเธอก็กลับไปคงท่าทางเรียบนิ่งและมีสติเหมือนเช่นเคย “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังไงก็ไม่พ้นเสี่ยงอันตรายหรอก”
“พรุ่งนี้ผมจะไปด้วยกันกับคุณ” ไป๋หลางกล่าว “ผมปลอมสถานะเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ต้องการคู่ เหมาะกับเราสองคนพอดี”
เธอหัวเราะที “ได้ ในเมื่อนายจะไปฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่…นายต้องสัญญาฉันเรื่องหนึ่ง”
“ว่ามาเลยครับ”
“พรุ่งนี้…ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ห้ามทำร้ายเย่เซียว”
ไป๋หลางมุ่นคิ้ว จู่ๆ ก็รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นตงิดๆ “งั้นคุณคิดว่า…พรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรล่ะครับ?”
“นายสัญญากับฉันก่อน ไม่อย่างนั้นฉันไม่อนุญาตให้นายไปด้วย!นอกจากนายต้องสัญญาว่านายจะไม่ทำร้ายเขาแล้ว รวมถึงคนของกระทรวงความมั่นคงที่ตามมาทั้งหมดด้วย ห้ามใครทำร้ายเขาแม้แต่คนเดียว—ถ้าเกิดว่าสัญญาถูกยกเลิกอย่างราบรื่นล่ะก็!”
สายตาของเธอแน่วแน่ ถ้อยคำไม่อนุญาตให้ขืนคำสั่ง
ไป๋หลางอยากถามบางอย่างแต่ขยับปากไปมาก็ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว สุดท้ายแค่พยักหน้า “ได้ ถ้าสัญญาถูกยกเลิกอย่างราบรื่น ผมสัญญา คนของเย่เซียวเองก็อยู่ ผมเชื่อว่าขอแค่สัญญาถูกยกเลิก คนของกระทรวงความมั่นคงจะไม่ทำอะไรแน่นอน”
ได้ยินคำสัญญาของเขาแล้วเธอพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายลงมาก
เธอเปิดดูบัตรเชิญในมือ “นายหาสักห้องเข้าพักเถอะ”
“ผมอยู่ห้องข้างๆ คุณนี่เอง มีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้เสมอ”
“อืม งั้นนายไปพักผ่อนซะ เพิ่งลงจากเครื่องเหนื่อยแย่ มื้อเย็นฉันจะช่วยเรียกไปที่ห้องนายให้”
ไป๋หลางพยักหน้า เตรียมหมุนตัวเดินกลับห้องตัวเองด้วยใจที่ยังไม่สงบดีนัก
เดินถึงหน้าประตูก็หันกลับมามองเธออีกที เธอกำลังก้มหน้าอ่านบัตรเชิญปล่อยผมยาวปรกลงมาปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง แต่พอจะเห็นความเหนื่อยอ่อนบนใบหน้าเธอได้ลางๆ
“รัฐมนตรี”
“หืม?” เธอเงยหน้าขึ้น อมยิ้มจางๆ อย่างเคย
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ ไป๋หลางรู้สึกได้ถึงความเศร้าหมองแสนหนักหน่วงที่เธอไม่อยากให้ใครเห็นถูกปิดซ่อนไว้เบื้องหลังรอยยิ้มนั่น
“ในเมื่อคุณรักเย่เซียวขนาดนี้ ทำไมไม่หนีไปกับเขาล่ะครับ ไม่กลับกระทรวงความมั่นคงไปตลอดชีวิต?”
ประโยคคำถามของเขาเรียกให้หัวใจไป๋ซู่เย่สั่นไหวอย่างรุนแรง
หนี
ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิดจะลอง?
ความเห็นแก่ตัวเล็กน้อยนี้เคยผุดขึ้นมาในหัวเธอจริงๆ
แต่ว่า…
“ถ้าฉันไป สงครามระหว่างประเทศจะทำให้ฉันกลายเป็นนักโทษในประวัติศาสตร์ เป็นทหารหนีตัวตายในสมรภูมิ เป็นคนทรยศประชาชน ต่อให้ฉันไม่คิดสนใจข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้เลยก็ตาม…แต่แล้วเย่เซียวล่ะ?” เธอยิ้มขมขื่น ลำคอแห้งผาก “อยู่ด้วยกันกับฉัน…ผลที่จะเกิดขึ้นกับเขา มีแต่ความเลวร้ายเสมอไป…”
ประโยคสุดท้ายที่กล่าวมาราวกับได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอ
ไป๋หลางไม่อาจถามต่อได้อีก
หากเธอหนีไปพร้อมกับเย่เซียวจริงๆ ทอดทิ้งทุกคนอยู่เบื้องหลัง คงไม่ใช่ไป๋ซู่เย่แล้วล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!