อย่างไรก็ตาม กู้หงเซินก็ไม่ลดละความพยายามที่จะโทรเข้ามาไม่หยุด
กู้ฉางฉิงกดรับสายอย่างหงุดหงิด "ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนยังไม่ถึงเวลาที่จะพบกัน อีกอย่าง......"
เธอหยุดไปครู่หนึ่ง "ต้องขอบคุณลูกสาวคุณนะ คราวนี้ฉันได้รับบาดเจ็บเลย"
กู้หงเซินไม่แม้จะถามอาการบาดเจ็บของเธอ แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนักว่า "ไม่ได้จะมาเจอหน้า"
"ถ้าอย่างนั้นเรื่องอะไรล่ะ?"
ทุกครั้งที่เขาติดต่อมาก็ไม่เคยมีเรื่องดี กู้ฉางฉิงเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่ก่อนรับสาย
"ช่วงนี้ฉันกำลังวางแผนจะตั้งโรงงานฟอกย้อมขึ้น แกเกริ่นกับจิ่งเหยาสักหน่อย เสื้อผ้าที่บริษัทออกแบบในอนาคตสามารถนำเข้าผ้าจากโรงงานของเราได้"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ฉางฉิงก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ทั้งที่เธอเพิ่งบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงแต่ไม่มีคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยจากเขา แต่กลับส่งคำขอในสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ได้ยาก
เขาก็ยังเป็นคนที่ได้คืบจะเอาศอก
เธอแสยะยิ้ม ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี "เป็นไปไม่ได้! เรื่องหุ้นคราวที่แล้ว ฉันได้ก็ทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้เฟิงจิ่งเหยาไปแล้ว คราวนี้อย่าหวังจะได้ประโยชน์อะไรจากเขาอีก"
"นี่เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ได้จะเรียกร้องผลประโยชน์อะไรจากเขา"
กู้หงเซินยิ่งส่งเสียงโกรธเกรี้ยวมา กู้ฉางฉิงก็ยิ่งแสยะยิ้มเพิ่มขึ้น
ถ้าแบบนี้ไม่เรียกผลประโยชน์แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?
"เป็นไปไม่ได้ก็คือเป็นไปไม่ได้"
ท่าทีของเธอหนักแน่นมาก
"นี่แก!"
แม้จะคุยผ่านทางโทรศัพท์ก็รับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของกู้หงเซิน แต่เธอก็ไม่ไหวติง
ทันใดนั้น กู้หงเซินที่อยู่ปลายสายก็หัวเราะขึ้นมา น่าจะโมโหจนหัวเราะออกมา
กู้ฉางฉิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ในใจรู้สึกแปลก ๆ
"แกอย่าลืมว่า แกในตอนนี้ต้องฟังฉันเท่านั้น"
คำขู่ในคำพูดนั้นชัดเจน
ความโกรธพลุ่งเข้ามาในใจทันที กู้ฉางฉิงบีบฝ่ามือแน่น สูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า "ฉันรู้" และวางสายไป
เธอโยนโทรศัพท์ไปข้าง ๆ เอนหลังนอนพิงที่หัวเตียง เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์
คราวนี้ เธอควรจะพูดกับเฟิงจิ่งเหยาอย่างไรดี?
แล้วเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
ผิดหวัง?
หรือจะรังเกียจ?
แค่คิดว่าเขาอาจจะรังเกียจเธอได้ กู้ฉางฉิงก็หงุดหงิดขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะก่นด่ากู้หงเซินออกมา
ตั้งแต่เฟิงจิ่งเหยาออกไปรับโทรัพท์ก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นจึงกลับมา
เมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยายกถาดอาหารเข้ามาในห้องด้วยตัวเอง กู้ฉางฉิงก็ประหลาดใจ
เฟิงจิ่งเหยาค่อย ๆ วางถาดอาหารลงอย่างใจเย็น
กู้ฉางฉิงดึงสติและถามอย่างสงสัยว่า "ทำไมคุณยกขึ้นมาเองล่ะคะ?"
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้อธิบายมากเพียงแต่พูดเบา ๆ ว่า "รีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถอะ"
ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร กู้ฉางฉิงก็ไม่ถามเพิ่มเติม หยิบอาหารขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง ก้มหน้ากินทีละคำเล็ก ๆ
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ ดวงตาลุ่มลึกราวสระน้ำคู่นี้ ทำให้คนมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดของคุณแม่ และท่านก็เป็นหนี้เธอ
เพราะฉะนั้นอะไรที่เขาสามารถทำได้ ก็คือทำเพื่อชดใช้ในสิ่งที่คุณแม่ทำกับเธอ
สายตาของเขาช่างมุ่งมั่นจริงจังนัก
กู้ฉางฉิงกัดตะเกียบเบา ๆ ดูท่าทางลังเล
ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและสบกับสายตาของเขาที่จับจ้องอยู่ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นไม่ถูกจังหวะ
เธอหันหนีไปทางอื่นด้วยความประหม่า ถามออกไปอย่างไม่สบายใจว่า "คุณกินข้าวหรือยัง? ถ้ายังก็ลงไปกินเถอะ"
มีเขาคอยจ้องอยู่แบบนี้ เธอก็ทานได้อย่างไม่สบายนัก
สายตาของเธอล่องลอย เพราะเธอไม่กล้าสบตากับเขา รอยยิ้มปรากฎขึ้นในดวงตาของเฟิงจิ่งเหยา เขาถามเบา ๆ ว่า "ขาเป็นอย่างไรบ้าง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา