ลู่ซือหยี่พูดจบ ก็กลัวว่ากู้ฉางชิงจะสงสัย ยังเบี่ยงเบนไปที่คุณนายเฟิง พูดต่อว่า : "เดิมทีฉันก็หาไม่เจอ เพียงสาวใช้โง่ๆของคุณนี่ โขมยของแต่ไม่รู้จักซ่อนให้ดี มำให้คุณน้าหมิงมาเจอเข้า"
กู้ฉางชิงได้ยินว่าเรื่องนี้คุณนายเฟิงเป็นคนเจอ ก็รู้ได้เลยว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
โขมย โขมยแล้วถูกจับได้ อีกทั้งยังถูกคุณนายเฟิงจับได้ เธอจะยอมยุติลงได้อย่างไร
ใบหน้าเธอมืดมนลง มองไปทางคุณนายเฟิง
"แม่ เรื่องวันนี้ ฉันจะมอบหมายให้ท่าน"
พูดจบ เธอก็หันไปมองเหอหลิน พูดตำหนิว่า : "บอกแล้วใช่ไหม ไม่จำเป็นอย่าขึ้นไปชั้นบน? ทำไมยังขึ้นไปอีก?"
เหอหลินได้ยินคำดุนี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ
"คุณหนู ฉันไม่เคยขึ้นไปเลย มีคนใช้ในบ้านหลักนี้ บอกว่าต้องการยกเครื่องดื่มไปให้คุณลู่ แต่ปวดท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวลานั้นมีฉันอยู่ในห้องรับแขกพียงคนเดียว เธอรีบร้อนมาก ก็บอกว่าให้ฉันเอาขึ้นไปส่ง"
"ดังนั้นคุณก็ขึ้นไปหรอ?"
กู้ฉางชิงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เหอหลินหดไหล่กลับ เม้มปากพูด : "ทีแรกฉันปฏิเสธไป เด็กคนรับใช้คนนั้นดูเหมือนเป็นทุกข์มากจริงๆ ฉัน……เวลานั้นฉันก็ไม่ได้คิดมาก ก็แค่อยากช่วยเธอ ดังนั้นจึงยกขึ้นไป"
กู้ฉางชืงได้ฟังถึงตรงนี้ ชัดเจนว่ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในนั้น
บ้านหลักใหญ่ขนาดนี้ ทำไมห้องรับแขกถึงมีเธอเพียงคนเดียว ไม่มีคนรับใช้คนอื่น
เหอหลินไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไร เห็นเธอไม่พูดจา จึงอธิบายอย่างร้อนรนใจอีกครั้ง : "คุณหนู ที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันไม่ได้โขมยของจริงๆ หลังจากยกเครื่องดื่มขึ้นไปก็ออกมาเลยทันที ใครจะรู้ว่าคุณลู่จะบอกว่าฉันโขมยของ"
เธอพูดจบ ก็ดึงกู้ฉางชิงไว้แน่น สะอื้นไห้พูดว่า : "คุณหนู คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้โขมยจริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าสร้อยข้อมือมาอยู่ที่ตัวเองได้อย่างไร"
กู้ฉางชิงมองเธอ ชั่วขณะก็ปวดหัวเล็กน้อย
เธอไม่สามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จริงๆ อีกทั้งไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเหอหลินไม่ได้โขมยของ ก็คือคนนี้ เธอไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก
ขโมยไม่โขมย เธอไม่รู้จะตัดสินชี้ขาดได้อย่างไร
อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่สามารถตัดออกได้ว่ามีคนจงใจใส่ร้าย
เธอคิดอย่างนี้ แต่คิดว่าอย่างหลังมีโอกาสมากกว่า
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าลู่ซือหยี่จะไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้ นอกจากนี้เหอหลินก็ดูไร้เดียงสา ไม่เหมือนคนที่จะกล้าโขมยแบบนั้น
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของเธอ ต้องการจัดการเรื่องนี้ ขณะนี้เธอจำเป็นต้องมีหลักฐาน
เธอมองไปรอบๆ ฉับพลันก็จ้องมองไปที่กล้องวงจรปิดที่มุมกำแพง หรี่ตาแล้วพูดว่า : "ฉันเห็นว่าในบ้านมีกล้องวงจรปิด ทำไมเราไม่ตรวจสอบก่อน แล้วค่อยตัดสินชี้ขาดอีกที?"
ใครจะรู้ว่าเพิ่งพูดจบ ก็ถูกคุณนายเฟิงพูดตัดบทว่า : "เรื่องเหล่านี้ตรวจสอบก่อนแล้ว เป็นเธอขึ้นชั้นบนไปส่งเครื่องดื่ม แต่ว่าหลังจากเข้าไปในห้อง ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดแล้ว แม้ว่าจริงๆเธอจะออกมาเร็วมาก แต่เวลานั้นที่เข้าไปในห้องซือหยี่ ก็มีแค่เธอ สร้อยข้อมือต้องเป็นเธอที่โขมยอย่างแน่นอน"
พูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนความอดทนเธอจะหมดไป พูดรวบรัดอย่างหงุดหงิดว่า : "ตอนนี้หลักฐานเพียงพอแล้ว คุณควรจะมอบหมายให้กับฉันไม่ใช่หรอ จะได้ไม่แพร่ออกไป ถูกคนว่าว่าคานบนไม่ตรงคานล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม"
กู้ฉางชิงได้ฟังคำพูดนี้ ฉับพลันรู้สึกไม่สบายใจ
เธอขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : "ไม่ทราบว่าคำพูดนี้แม่เริ่มขึ้นจากที่ไหน?"
คุณนายเฟิงหัวเราะเยาะ
"ไม่นับเริ่มจากใจคุณหรอ? คุณขโมยแบบแผนการออกแบบในบริษัทเมื่อสองสามวันก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยี่หรอที่ช่วยคุณกลับไปด้วยดี คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆหรอ?"
เธอพูดจบ สายตาดูถูก : "โชคดีที่คนของบริษัทไม่รู้ฐานะของคุณ ไม่อย่างนั้นตระกูลเฟิงก็เสียหน้าไปแล้ว คุณนี่ดีนะ อยู่บ้านก็เป็นเหมือนเดิม ไม่รู้จริงๆว่าในตอนนั้นคุณพ่อให้เธอแต่งงานเข้ามาอย่างนี้ได้อย่างไร!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา