เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดที่จะสร้างปัญหาขึ้นแน่ ๆ ของลู่ซือหยี่ ก็รีบขัดจังหวะขึ้นมาโดยไม่รอให้เธอพูดจบ
"คำพูดนี้ของน้องซือหยี่ก็ออกจากแรงเกินไปหน่อยนะคะ พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลย"
พอเธอพูดจบ ก็หันมองไปที่คุณนายเฟิงที่ปั้นหน้าเย็นชาอยู่ และยิ้มพูดว่า "หนูเพียงหวังว่าคุณแม่จะให้โอกาสคนของหนูได้อธิบายอะไรบ้าง"
คุณนายเฟิงมองเธออย่างเงียบ ๆ
กู้ฉางฉิงก็ไม่ยอมแพ้ ส่งสายตาประสานกับคุณนายเฟิงเช่นกัน
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็เย็นยะเยือก
หัวหน้าจางมองดูพวกเธอขัดแย้งกัน ก็กระวนกระวายใจและรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
เธอเดินก้าวเล็กไปข้างหน้า ไปถึงด้านหลังของกู้ฉางฉิง ใช้ระดับเสียงที่สามารถได้ยินกันเพียงสองคน พูดว่า "คุณหนูคะ เรื่องนี้เราปล่อยไปแบบนี้ดีกว่าไหมคะ อย่าให้คุณหนูกับคุณนายเฟิงต้องทะเลาะกันเพียงเพราะเรื่องของอาหลินเลยค่ะ มันอาจจะส่งผลไม่ดีต่อวันข้างหน้าได้"
กู้ฉางฉิงหันไปมองดูเธออย่างซาบซึ้ง เพราะเข้าใจดีว่าคำพูดนี้ของเธอหมายความว่าอย่างไร
อย่างน้อยเธอก็คิดถึงอนาคตของกู้ฉางฉิง
แต่เรื่องนี้มันไม่ปกติ ถ้าหาคำมาอธิบายให้ชัดเจนไม่ได้ เกรงว่าในภายหลังคนเหล่านี้ไม่รู้จะพูดถึงเธออย่างไรอีก
เมื่อถึงเวลานั้น เธอคงจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ได้แน่
"เรื่องนี้คุณอย่ายุ่งเลยจะดีกว่า ฉันจะปล่อยให้คนอื่นมาว่าบ้านสกุลกู้มือไม้ไม่สะอาดไม่ได้"
เธอตบแขนหัวหน้าจางเบา ๆ แสดงให้รู้ว่ามีเธออยู่ฝ่ายเดียวกัน
แล้วกู้ฉางฉิงถึงได้หันกลับมา และมองไปที่คุณนายเฟิงอีกครั้ง "ในเมื่อคุณแม่ไม่ว่าอะไร หนูก็ถือว่าคุณแม่อนุญาตนะคะ"
เมื่อพูดจบ เธอก็ไม่สนใจว่าสีหน้าของคุณนายเฟิงจะแสดงออกอย่างไร และก็พูดต่อขึ้นเองว่า"น้องซือหยี่ ฉันมีคำถามจะถามน้องสักเล็กน้อย หวังว่าน้องจะไม่ปฏิเสธและตอบตามความเป็นจริง เพราะนี่เป็นทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ น้องเองก็คงไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังต่อไปหรอกใช่ไหม"
เมื่อลู่ซือหยี่ถูกมัดมือชกแบบนี้ แม้จะอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ก็จึงทำได้เพียงกลั้นใจและกัดฟันพูดว่า "เธออยากจะถามอะไรล่ะ?"
"ง่ายมาก ฉันแค่อยากถามว่าเธอยังจำได้ไหมว่าวางสร้อยข้อมือนั้นไว้ที่ไหน?"
ลู่ซือหยี่ที่เข้าใจว่าเธอจะถามคำถามอะไรที่ยาก ๆ ที่ไหนได้กลับถามคำถามง่าย ๆแบบนี้ เธอจึงตอบโดยแทบไม่ต้องคิดว่า "ก็วางไว้บนโต๊ะน่ะสิ"
"บนโต๊ะเครื่องแป้ง หรือบนโต๊ะน้ำชา?"
กู้ฉางฉิงถามต่อ
"บนโต๊ะเครื่องแป้ง"
ลู่ซือหยี่ยังคงตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิด
"เข้าใจแล้ว อาหลิน ตอนที่เธอยกเครื่องดื่มขึ้นไปส่ง เธอได้เห็นสร้อยข้อมือบนโต๊ะหรือไม่?"
กู้ฉางฉิงซักถามอาหลิน
เหอหลินส่ายหัวและพูดว่า "ไม่ค่ะ ตอนนั้นดิฉันยกเครื่องดื่มไปวางที่โต๊ะน้ำชา ไม่เคยไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเลยค่ะ"
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็หันหน้าไปอีกทางและพูดขึ้นมาว่า "น้องซือหยี่ ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?"
เมื่อลู่ซือหยี่ได้ยินคำนั้นก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าเธอจะตกหลุมพรางของนังสารเลวกู้ฉางฉิงเข้าให้
เธอกดความตื่นตระหนกไว้ และยังปากแข็งตอบกลับไปว่า "พูดอะไรน่ะ? ฉัน......ฉันอาจจะจำผิดไปบ้าง ใช่แล้ว ฉันจำผิดไป แค่นี้ไม่พอใช่ไหม?"
เมื่อกู้ฉางฉิงมองดูเธอเถียงข้าง ๆ คู ๆ ก็รู้สึกน่าขำนัก
"น้องซือหยี่ความจำดีมากอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของคน ๆ หนึ่ง น้องซือหยี่ต้องคิดให้ดีก่อนตอบ"
คำพูดของเธอแฝงนัยยะอย่างชัดเจน เมื่อลู่ซือหยี่ได้ยินก็โกรธมาก
"ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้จะเข้าใจผิดประเด็นไปหน่อยนะคะ ตอนนี้เรากำลังสอบสวนเรื่องที่คนใช้ของพี่ขโมยของอยู่ ทำไมพี่สะใภ้ถึงกลับมาสอบสวนฉันแทนได้ล่ะ"
เธอพูดด้วยสีหน้าโกรธ ๆ ว่า "ฉันว่าพี่สะใภ้ตั้งใจจะเข้าข้างคนของตัวเองมากกว่า ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ให้ตำรวจมาจัดการดีกว่า สร้อยข้อมือเส้นนั้นแม้ว่าจะล้าสมัยแล้ว แต่ก็เป็นสร้อยข้อมือเพชร และพวกใบการันตีก็มีครบ ถ้าหากเอาไปประเมินราคาดูมูลค่าก็เกินล้านแน่ ๆ นี่น่าจะเพียงพอสำหรับโทษอาชญกรรม"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา