โจวฉือเซินทำหน้าไม่สะทกสะท้าน แต่กลับพูดเสียงเรียบว่า: " ไม่เกี่ยวกับผมเลย "
หร่วนซิงหว่านหัวเราะแบบขอไปที เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมเชื่อ
เธอเดินไปหน้าถนนที่ถูกขวางเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มสำรวจว่าพอมีทางไหนให้ผ่านไปได้บ้าง
ข้างหลังเธอนั้น โจวฉือเซินก็พูดออกมาอย่างใจเย็น: " นี่มันเป็นถนนบนภูเขา ดินถล่มถือเป็นเรื่องปกติ ทุกวันก็เป็นแบบนี้แหละ พอตอนเช้าเดี๋ยวก็มีคนมาจัดการ "
หร่วนซิงหว่านไม่สนใจเขา เธอถอดส้นสูง แล้วลองพยายามที่จะปีนหินที่กองกันขึ้นไป
โจวฉือเซินที่กำลังมองฉากตรงหน้า ก็เอาลิ้นดุนฟัน ยกมือขึ้นมาเค้นจมูกตัวเองเป็นเชิงหนักใจ ก่อนจะสาวเท้ายาวเข้าไป
ด้วยความที่ข้างทางของกองหินที่ขวางถนนก็มีเศษเล็กเศษน้อยของหินแตกกระจายอยู่ หร่วนซิงหว่านจึงไม่สามารถไต่ขึ้นไปได้ แถมเท้าที่เหยียบหินนั้นก็ถูกทำเจ็บจนเป็นรอยนูนแดง ซึ่งเธอไม่รู้แล้วว่าครั้งนี้คือครั้งที่เท่าไหร่ที่เธอพยายามจะปีนขึ้นไปข้างบน
ครั้งต่อไปที่เธอเตรียมจะลองปีนอีก ก็มีมือข้าวหนึ่งคว้าเอวเธอไว้
เพียงเสี้ยววิ ร่างของเธอก็ลอยขึ้น เพราะถูกโจวฉือเซินอุ้มขนมาจากหิน
โจวฉือเซินพูด : " ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ว่าสมองของคุณใส่อะไรเอาไว้ "
หร่วนซิงหว่านโต้ออกมาโดยไม่ยอมอ่อนให้ฝ่ายเดียว: " ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไมประธานโจวถึงทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นโกรธจนหัวชี้หัวฟูได้ "
โจวฉือเซินวางเธอลงบนพื้นราบ : " ผมไม่ได้ทำอะไรพวกนี้ขึ้นมาจริงๆ "
" การที่คุณโผล่มาที่นี่ คำพูดของคุณก็ดูไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป "
โจวฉือเซินเอามือเท้าสะเอว ดวงตาดำขลับนั้นมองเธอโดยไม่พูดจา เขาเลียริมฝีปากบางแล้วพูดต่อ: " ตามใจคุณ "
ผ่านไปไม่กี่วิ เขาก็พูดต่อว่า : " คืนนี้คงเดินต่อไปไม่ได้แล้ว บนเขายังพอมีที่อยู่ คุณจะไปกับผมไหม "
หร่วนซิงหว่านปฏิเสธเขาโดยที่ไม่ต้องคิด: " ไม่ไป! "
" งั้นก็ได้ คุณก็รออยู่ตรงนี้จนฟ้าสว่างแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ "
เมื่อพูดจบ โจวฉือเซินก็เดินกลับไปทางเดิมที่มา เพียงชั่วขณะเงานั้นก็หายเข้าไปในความมืด
หร่วนซิงหว่านใช้แรงกัดฟัน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะโทรขอความช่วยเหลือ แต่ก็เพิ่งพบว่าบนเขานั้นไม่มีสัญญาณเลยสักนิดเดียว
เธอก็ยังคงเดินไปยังถนนที่ถูกหินขว้างเอาไว้เพื่อลองอีกหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวอยู่ดี
สุดท้ายเธอก็หมดเรี่ยวแรง และแบตโทรศัพท์ก็เหลือแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
หร่วนซิงหว่านนั่งอยู่ริมถนน เริ่มรู้สึกจมูกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้แต่เสียงลมก็เงียบสงบลงแล้ว
บรรยากาศรอบข้างเงียบจนน่ากลัว
ท้องฟ้าก็เริ่มมีหิมะตกลงมาเล็กน้อย
หร่วนซิงหว่านกอดเข่าแน่น ในใจก็ด่าว่าชายนิสัยแย่คนนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ไหนบอกว่าชอบเธอนักหนา พอถึงเวลาที่ต้องเจอเรื่องยากลำบาก ก็ยังทิ้งเธอไว้คนเดียวโดยไม่สนใจ
ความชอบของเขาที่แท้มันก็ไม่มีค่าอะไร มีแต่จะทำให้คนอื่นต้องแบกรับมันเอาไว้
หร่วนซิงหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ บวกกับความกลัวที่เกิดจากความมืดที่ไม่มีสิ้นสุด ที่มันแผ่ลุกลามอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับน้ำที่ทะลักเข้ามาโอบล้อมตัวเธอไว้
หร่วนซิงหว่านกัดริมฝีปากล่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าคืนนี้ตัวเองคงจะต้องนอนตายอยู่ที่นี่ ภายในเหงามากก็มีเสียงฝีเท้าย่างเข้ามา
หร่วนซิงหว่านค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองชายนิสัยแย่ที่กลับมาทั้งน้ำตาที่เอ่อจนมองอะไรแทบไม่ชัด
โจวฉือเซินดึงกางเกงสแลกขึ้น จากนั้นก็ย่อเข่าข้างหนึ่งลงมานั่งตรงหน้า จากนั้นก็อาศัยแสงโทรศัพท์อันน้อยนิดเพื่อมองดวงตาที่แดงก่ำของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ: " ไปกับผมไหม "
หร่วนซิงหว่านเบื่อหน้าหนีไม่สนใจเขา แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของตัวเองไว้ได้ จนสุดท้ายก็ร้องไห้จนฟังไม่ได้ศัพท์
โจวฉือเซินเห็นอย่างนั้น ปากบางก็ฉีกยิ้ม: " พอแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่ควรทิ้งคนไว้ที่นี่คนเดียว ผมไม่ได้เดินไปไกลเพราะรอคุณเรียกผมต่างหากล่ะ แต่ทำไมคุณถึงดื้อหัวแข็งแบบนี้นะ "
หร่วนซิงหว่านได้ยินในสิ่งที่ใช่นิสัยแย่พูดแถมยังหัวเราะอีก ก็โกรธขึ้นมาทันควัน จึงหยิบเศษหินที่แตกกระจายเร็วเขวี้ยงใส่ชุดสูทราคาแพงของเขา : " ฉันไม่ได้เรียกคุณนี่ คุณจะกลับมาทำไมล่ะ! "
" คุณเรียกผมนะ "
" ไม่ได้เรียกสักหน่อย! "
" ผมได้ยินนี่นา "
" ฉันบอกคุณไปแล้วไง ว่าฉัน.... "
โจวฉือเซินยื่นมือแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก และกระซิบข้างหูเธอว่า: " ในใจของคนเรียกร้องหาผมตลอด ไม่ใช่เหรอ "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...