หลังจากที่ประตูปิดลงดังปั้งแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ดึงสายตากลับมา
เธอเม้มปากจากนั้นก็พูดว่า : " เฉิงเว่ย ที่จริงช่วงนี้ฉันเองก็คิดถึงปัญหานี้อยู่เหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าบางทีเราอาจจะลองทำความรู้จักกันสักพัก แต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ฉัน..... "
" ซิงหว่าน คุณก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่าให้เราลองทำความรู้จักกันดูก่อน ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มเองนะ คุณไม่ต้องรีบปฏิเสธผมขนาดนั้นก็ได้ "
หร่วนซิงหว่านส่ายหน้า
เธอไม่สามารถเอาสถานะของตัวเองขณะที่ยังพัวพันกับโจวฉือเซินอยู่ และในขณะเดียวกันก็ยังไปลองดูใจกับเฉิงเว่ย แบบนี้มันไม่ค่อยยุติธรรมกับเขาเท่าไหร่
เฉิงเว่ยพูด: " ซิงหว่าน ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็คือเขา คุณก็คือตัวคุณ ผมแบ่งมันได้อย่างชัดเจนดี "
" ไม่ใช่หรอกค่ะเฉิงเว่ย ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น " หร่วนซิงหว่านขบคิดอยู่ไม่กี่วินาที ก็พูดต่อว่า " ฉันเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองชัดเจนมากว่าจะทำอะไร ตอนแรกฉันเลือกที่จะเดินออกมา และไม่คิดจะหันกลับไปอีก แต่ในตอนนี้..... "
" ตอนนี้คุณหวั่นไหวแล้วเหรอ? "
หร่วนซิงหว่านนิ่งไปพักใหญ่และไม่ได้ตอบอะไร
เธอหวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ
ในช่วงก่อนหน้านี้ เธอรู้มาตลอดว่าโจวฉือเซินชอบเธอ มันอาจจะไม่สำคัญเท่าเอกสารฉบับใดฉบับหนึ่งในห้องทำงานของเขา
แต่ถึงตอนนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ล้อเล่นกับความสัมพันธ์ของเธออย่างที่เคยคิดเอาไว้
และในคืนนี้ เธอเหมือนกับกำลังหลงทาง จนได้เห็นถึงความจริงใจของเขา
เมื่อเห็นว่าหร่วนซิงหว่านไม่ได้พูดอะไร เฉิงเว่ยก็รู้ว่าตัวเองเดาถูกแล้ว
ชะงักไปสักครู่ เขาก็พูดขึ้นว่า: " คุณกับโจวฉือเซินแต่งงานกันมาสามปี การที่คุณยังคงรู้สึกกับเขาก็คงเป็นเรื่องปกติ ซิงหว่าน ผมรอได้นะ รอจนคนลืมเขาหมดทั้งใจแล้ว และเริ่มต้นชีวิตใหม่ "
ก่อนหน้านี้หร่วนซิงหว่านก็เคยพูดกับตัวเองว่า " เริ่มต้นชีวิตใหม่ " ประโยคนี้ ก็แค่ได้รู้สึกว่า ต้องยอมรับที่จะเริ่มใช้ชีวิตใหม่
แล้วจึงจะสามารถตัดขาดออกจากอดีตทั้งหมดได้
แต่ในวันนี้ เธอเพิ่งจะพบว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
ไม่ว่าเธอจะเริ่มใหม่ยังไง ในชีวิตคนเรายังมีหลายสิ่งอีกมากมาย ที่เคยผ่านอดีตมาแล้วทั้งนั้น และก็ไม่สามารถทิ้งให้มันหล่นหายออกไปจากความทรงจำได้
ก็เหมือนกับการแต่งงานสามปีของเธอกับโจวฉือเซิน การที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นรังเกียจเดียดฉันท์เธอแค่ไหน เมื่ออยู่กันไปนานๆ เข้า เธอก็ค่อยๆ เริ่มรักเขา แล้วมันก็เหมือนกับที่วันๆ เธอเอาแต่ก่นด่า อิตาบ้าอย่างเขา แต่กลับควบคุมบางส่วนในจิตใจไม่ได้ ที่มันเริ่มถลำลึกและจมลงไป.......
มันโลกนี้ยังมีเรื่องอีกมากมาย ถ้ามันง่ายเหมือนที่คิดก็คงจะดี
เฉิงเว่ยก็พูดต่อ: " ซิงหว่าน วันนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ มีอะไรแล้วค่อยคุยกันทีหลังนะ "
หร่วนซิงหว่านก็รู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ จึงพยักหน้า: " คุณก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ "
เมื่อกลับเข้ามาในห้องแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ทิ้งตัวลงบนเตียง จากนั้นก็มองไปยังเพดานโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วโมง กริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
เธอค่อยๆเดินไปเปิดประตู หลังจากที่เปิดประตูแล้ว ก็พบกับพนักงานโรงแรม
อีกฝ่ายยื่นกล่องของขวัญให้เธอพร้อมโทรศัพท์: " คุณผู้หญิงคะ นี่คือของที่คุณทำตกไว้ในคฤหาสน์ค่ะ "
พอหร่วนซิงหว่านเห็นโทรศัพท์แล้วถึงจะนึกขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เธอคงทำมันตกไว้บนโซฟา ตอนไปก็เลยลืมไว้เสียสนิทเลย
แต่กล่องนั้น คือของขวัญที่พนักงานคนนั้นมอบให้เธอก่อนขึ้นเขานี่นา
ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้แล้ว ของขวัญนี่คงจะเป็นของที่โจวฉือเซินมอบให้เธอ
หร่วนซิงหว่านรับมันมาทั้งคู่: " ขอบคุณนะคะ "
พนักงานคงให้เธอเล็กน้อยด้วยความจริงใจ จากนั้นก็หันตัวแล้วเดินจากไป
เมื่อปิดประตูแล้ว รอยแผลบนเท้าของหร่วนซิงหว่านปริออกเล็กน้อย เธอจึงทำได้แค่กระโดดขาเดียวกลับเข้าไปข้างใน
เมื่อนอนลงบนเตียงให้ครั้ง เธอก็หยิบที่ชาร์จแบตออกมาจากในกระเป๋า แล้วชาร์จเข้ากับโทรศัพท์ของเธอ หลังจากนั้นก็นอนพลิกตัวไป เพื่อดูของขวัญที่วางอยู่บนหัวเตียง
หร่วนซิงหว่านที่นอนแผ่อยู่บนเตียงก็มองมันอยู่สักพัก ลังเลว่าจะเปิดมันดีไหม
ชั่งเถอะ เธอไม่ได้สนใจเขาสักหน่อย
แต่ไหนๆ ก็ส่งมาแล้ว เธอจะดูไม่ดูมันก็เหมือนกันนั่นแหละ
แต่การที่เอามันทิ้งไปเลยเฉยๆ คงสู้แกะดูแล้วคลายความอยากรู้มันไม่ดีกว่าเหรอ
หร่วนซิงหว่านดึงเชือกที่ห่อของขวัญออก จากนั้นก็เปิดฝากล่อง
ภายในกล่องของขวัญนั้น คือของที่โจวฉือเซินซื้อมาตั้งไว้ตอนไปดูงานที่เบลเยียม แล้วโดนเธอกินจนหมด อย่างนั้นก็ยังอยากกินช็อกโกแลตอยู่ และยังมีสร้อยคอหนึ่งเส้น กับการ์ดหนึ่งใบ
หร่วนซิงหว่านเปิดการ์ดดู ก็เห็นเข้ากับตัวอักษรแถวหนึ่ง
[ครบรอบสามปี]
น้ำหนักปลายปากกาพอดี เนื้อความกระชับและชัดเจน
นี่คือลายมือของโจวฉือเซิน น้ำมันดูคล้ายกับสิ่งที่อิตาบ้าคนนั้นจะสามารถเขียนมาได้
หร่วนซิงหว่านอ่านการ์ดนั้นเลยจิตใจลอยไปพักนึง ในสมองก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
นี่คงไม่ใช่ของขวัญครบรอบแต่งงานครึ่งปีก่อนหรอกใช่ไหม โจวฉือเซินได้เตรียมของขวัญให้เธอด้วยงั้นเหรอ?
ใช่แล้ว คงจะเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นในการ์ดก็คงไม่เขียนว่า " ครบรอบสามปี " หรอก
จะว่าไป อิตาบ้าคนนั้นก็ขี้เหนียวเหมือนกัน วันนี้ยังพูดอยู่หยกๆ ว่าจะชุดของขวัญอันแรกให้เธอ สุดท้ายก็กลายเป็นของขวัญครบรอบแต่งงานอันที่สามอันเดิมที่เคยเตรียมไว้
คิดถึงตรงนี้แล้ว มุมปากหร่วนซิงหว่านก็ยกขึ้น จากนั้นก็แกะช็อกโกแลตหนึ่งชิ้นโยนเข้าปาก รสชาติของมันหวานหอมแต่ก็ไม่เลี่ยนเลยสักนิด
ยังคงรสชาติเหมือนตอนนั้นที่เคยกิน
ในเวลานี้ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆก็สั้นขึ้น น่าจะเป็นเพราะชาร์จแบตแล้วเครื่องก็เลยเปิด
หร่วนซิงหว่านจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเฉิงเว่ยโทรหาเธอหลายสาย เพ้ยซานซานก็ส่งข้อความมากมายหาเธอ
หร่วนซิงหว่านเห็นแล้ว ก็รู้สึกว่ามันยังไม่ดึกจนเกินไป เพ้ยซานซานก็คงจะยังไม่นอน จึงโทรกลับไป
ไม่นานนะ ปลายสายก็รับ
เพ้ยซานซานพูด: " ซิงซิง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม เฉิงเว่ยบอกว่าเธอไปเจอโจวฉือเซิน จากนั้นก็ติดต่อเธอไม่ได้ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ "
" เรื่องนี้........ ถ้าเราคงจะยาวน่ะ "
" ไม่เป็นไร ฉันนอนไม่หลับพอดี เธอค่อยๆ เล่าก็ได้ "
หร่วนซิงหว่าน" ...... "
เธอกระแอมเสียงนิดนึง เพื่อหวังจะเปลี่ยนประเด็น: " เธอไปเดทมาคืนนี้เป็นยังไงบ้าง "
เหมือนประเด็นนี้จะได้ผล เพราะมันแทงเข้าที่ใจดำของเพ้ยซานซานเต็มเปา
เธอพูดด้วยความโกรธ: " ถ้ารู้เร็วกว่านี้ฉันคงไปช่วยนักเรียนที่มหาลัยย้ายของดีกว่า Danielเป็นบ้าไปแล้ว! "
" ทำไมล่ะ? "
" ก็เขาชวนฉันกับหร่วนเฉินหว่านไปกินข้าวด้วยกันใช่ไหมล่ะ เพราะออกจากบ้าน หร่วนเฉินหว่านก็บอกว่าเขาติดธุระ จากนั้นก็เหลือแค่เราสองคน ตอนนั้นฉันก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่.... ยังไงมันก็เป็นโอกาสดีไง แต่พอไปถึงห้องอาหารแล้ว เธอทายดูว่าเขาพูดอะไร? "
หร่วนซิงหว่านก็ลองถามดู: " อาหารกระป๋องที่บ้านหมดอายุหรือไง? "
เพ้ยซานซานหัวเราะเหอะๆ : " ดูไร้เหตุผลมากกว่านี้อีก กับข้าวก็สั่งมาวางบนโต๊ะแล้ว จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมาว่า ตัวเองนับถือศาสนาพุทธ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้คือวันที่หนึ่ง ต้องงดอาหาร จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย แล้วทิ้งฉันไว้ตรงนั้นคนเดียว เธอคิดว่าเขาเป็นบ้าไหมล่ะ?
ถ้าเขาไม่อยากกินข้าวกับฉันแล้วจะนัดฉันทำไมอ่ะ แถมยังหาข้ออ้างที่ก้านสมองใช้เวลาสิบปีก็นึกไม่ได้ขึ้นมาอ้างอีก ฉันไม่เคยพบเคยเจอคนที่แปลกประหลาดอย่างเขามาก่อนเลย "
" ....... "
ปกติตอนหร่วนซิงหว่านเจอDaniel ก็รู้สึกว่าเขาปกติดีนะ แต่ไม่นึกว่าจะเป็นคนประหลาดแบบนี้
หลังจากเพ้ยซานซานบ่นเป็นชุดแล้ว ก็ยังคงไม่ลืมเรื่องก่อนหน้า: " จริงสิ เรื่องของฉันไม่น่าพูดถึงหรอก เล่าของเธอต่อสิ ว่าอิตาบ้าคนนั้นทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าอะไรกับเธอหรือเปล่า? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว