บทที่ 27 นั่นมันช่างโชคร้ายจริง ๆ เลย
โจวฉือเซินเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่ต้องหรอก”
ตอนนี้เขาไม่ได้อยากจะเจอเธอซะเท่าไหร่
ตั้งแต่ที่โดนรับตัวกลับมาอยู่ตระกูลโจวโดยแบกชื่อลูกนอกสมรสอยู่ โจวฉือเซินก็สะอิดสะเอียนความสัมพันธ์ทางสายเลือดและการสืบทอดทางสายเลือดแบบนี้จะแย่อยู่แล้ว
โดยเฉพาะตอนที่เขาก้าวเท้าประตูใหญ่ของตระกูลโจวมา แล้วเห็นโจวจู้นเหนียนที่พิการนั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดหม่นนั้น ความสกปรกและความต่ำทรามที่แม้แต่กระเบื้องเงินกระเบื้องทองก็ยังปกปิดไว้ไม่อยู่ แทบจะทำให้เขาขาดอากาศหายใจตายไปเลย
เพราะฉะนั้นเรื่องที่หร่วนซิงหว่านใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนนั้น ได้แตะโดนเส้นตายของเขาแล้วจริง ๆ
โจวฉือเซินเปิดโทรศัพท์ออกอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านั้นที่เขาบล็อกและลบทิ้งไปแล้ว ในหน้าแชทของเขากับหร่วนซิงหว่าน จึงไม่มีความหว่งใยอย่างระแวดระวังของเธอ และไม่มีการกำชับซ้ำซากที่ไม่รู้จักเบื่อของเธอ และยิ่งไม่มีการรอคอยอยู่อย่างเงียบสงบของเธอ เหลือทิ้งไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
นิ้วมือยาวของเขากดเข้าไปในช่องพิมพ์ข้อความ แล้วพิมพ์ตัวหนังสือขึ้นมาไม่กี่ตัว แล้วก็ค่อย ๆ ลบออกไป
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ในตอนที่หร่วนซิงหว่านกำลังเตรียมจะเข้านอนแล้วนั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงอยู่ ๆ ก็สั่นขึ้นมาทีหนึ่ง
เธอเพ่งสายตามองไป แล้วเห็นเพียงตัวหนังสือที่เย็นชาไม่กี่ตัวของผู้ชายชาติหมาว่า ‘ยังเหลืออีกยี่สิบห้าวัน’
หร่วนซิงหว่าน “……”
เขาจำเป็นจะต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ ดึกดื่นเที่ยงคืนจะต้องมานับถอยหลังเวลาตายให้เธอด้วยเหรอ
หร่วนซิงหว่านคิดแล้วคิดอีก แม้แต่ตัวหนังสือยังขี้เกียจพิมพ์ จึงตอบเป็นรูปอิโมจิทำท่ามือOKกลับไป
ทั้งดูจริงจังและดูเป็นทางการดี
แสดงออกให้เห็นถึงความแน่วแน่ของเธอว่าจะต้องคืนเงินให้ตามระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน
แต่ว่าการกระทำที่มาขัดขวางการฝันหวานของผู้อื่นแบบนี้ของโจวฉือเซินทำให้เธอรู้ไม่พอใจเอามาก ๆ แล้วก็รีบเปลี่ยนชื่อที่จดจำไว้จาก“ผู้ชายชาติหมา”ให้กลายเป็น “เจ้าถิ่นขี้ง้อ”ไปในค่ำคืนนั้นเลย
แล้วถึงได้วางโทรศัพท์ลง แล้วก็นอนหลับไปอย่างพึงพอใจ
แต่ทางด้านซูซือเวยพอได้ยินข่าวคราวที่ลือออกมาจากเครื่องประดับเซิ่งกวางกรุ๊ป ก็สงสัยในตัวเองไปครู่หนึ่ง แล้วก็แน่ใจกับความจริงนี้ขึ้นมา
นั่นก็คือถึงแม้ว่าดูผิวเผินแล้วประธานโจวจะเย็นชาต่อเธอ แต่ว่าความจริงแล้วในใจก็ยังมีเธออยู่
ตอนนี้มาคิดอย่างละเอียดดูครู่หนึ่ง ทุกครั้งที่เขาตำหนิเธอ ล้วนเป็นเพราะว่าด้านหร่วนซิงหว่านสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น เธอก็เลยเสแสร้งใช้เล่ห์กลขึ้นมานิดหน่อยเพื่ออยากจะให้เขามีความรู้สึกดีด้วย
แต่ว่าหลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธออีก และเพื่อที่จะให้ทรัพยากรของเครื่องประดับเซิ่งกวางกรุ๊ปกับเธอแล้ว ก็ยังทำจนถึงขั้นนี้แล้วด้วย
ดูท่าสาเหตุเป็นเพราะมาจากหร่วนซิงหว่าน สำหรับเรื่องการใช้มารยาแบบนี้นั้นโจวฉือเซินไม่เคยพูดว่ารังเกียจสุด ๆ สักหน่อย
แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้วละก็ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มารยาอะไรเลย ต่อไปก็ทำตัวให้เรียบร้อย ก็จะสามารถดึงระยะห่างออกจากคนอย่างหร่วนซิงหว่านได้แล้ว และโจวฉือเซินก็จะยิ่งชอบเธอมากขึ้นอีกด้วย
พอมีความคิดแบบนี้แล้ว ในตอนที่ซูซือเวยเจอเข้ากับหร่วนซิงหว่านที่หลังเวทีแฟชั่นโชว์นั้น ก็ไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่เจอกันปุ๊บก็จะเข้าไปเยาะเย้ยกันเลย เพียงแต่แค่ทำเสียงหึอย่างดูถูกทีเดียว แล้วก็เดินจากไปอย่างง่ายดาย
เพ้ยซานซานพูดขึ้นด้วยท่าทียากที่จะบรรยาย “ทำไมวันนี้เธอไม่พุ่งเข้ามาใส่เหมือนอย่างหมาบ้าแล้วล่ะ?”
หร่วนซิงหว่านจัดแจงเครื่องประดับจิวเวลรี่ที่อยู่ตรงหน้า “อาจจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาแล้วมั้ง”
ถึงแม้ว่าเพ้ยซานซานจะไม่ได้บอกกับหร่วนซิงหว่าน ว่างานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ซูซือเวยจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในงาน แต่ว่าเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เธอไปหาหลินซือที่เซิ่งกวาง ก็ได้ยินคนไม่น้อยกำลังพูดคุยกันว่าโจวฉือเซินทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อซูซือเวยอีกแล้ว
ไม่เพียงแค่พนักงานของเครื่องประดับเซิ่งกวางกรุ๊ปเท่านั้น แม้แต่นางแบบและนักออกแบบคนอื่น ๆ ในงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ต่างก็อิจฉากันทั้งนั้น
ในฐานะที่เป็นนางแบบถ้าสามารถเลือกทรัพยากรที่ดีที่สุดได้ตามใจชอบผลประโยชน์ก็ไม่ยิ่งต้องพูดถึงแล้ว แต่ว่าถ้านักออกแบบได้โอกาสในครั้งนี้ สิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือจะสามารถได้รับเวทีที่จะแสดงผลงานได้มากขึ้น และไม่เพียงเท่านี้ อาจจะยังสามารถได้ร่วมงานกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศหรือว่าได้รับคำชี้แนะด้วยก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...