เซี่ยเหยียนเหยียนสวมชุดเดรสที่สวยงามมาถึงห้องโถง เธอเห็นอาจารย์แพทย์และอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมายในห้องโถง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงตื่นเต้นและดีใจอย่างยิ่ง
เวลานี้เองศาสตราจารย์เฉียนก็เดินมา “เหยียนเหยียน เธอมาแล้วเหรอ”
เซี่ยเหยียนเหยียนก้าวเข้ามาควงแขนศาสตราจารย์เฉียนอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ หนูมาแล้วค่ะ วันนี้มีศาสตราจารย์มาร่วมงานมากมายเลยนะคะ เมื่อก่อนหนูเคยเห็นพวกเขาให้สัมภาษณ์ทางทีวี และยังเคยอ่านวิทยานิพนธ์ทางการแพทย์ของพวกเขาด้วยค่ะ”
ศาสตราจารย์เฉียนพูดว่า “เหยียนเหยียน ช่วงหลายปีนี้เธอเรียนหนังสือตลอด ทั้งยังเพิ่งกลับมาจากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเซิ่งหลี ยังไม่มีรู้จักใครในแวดวงการแพทย์ ครั้งนี้ฉันพาเธอมางานเลี้ยงนี้ก็เพื่อที่จะแนะนำบางคนให้เธอรู้จัก ที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์สักคนแล้ว”
หัวใจเซี่ยเหยียนเหยียนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใช่แล้ว เอต้องฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมีทีมแพทย์ของตัวเอง พวกเขามีส่วนร่วมในการวิจัยทางคลินิกที่ทันสมัยที่สุด และมีสายสัมพันธ์ที่กว้างขวาง เธอจำเป็นต้องเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย
ศาสตราจารย์เฉียนมองไปรอบๆ “ผอ.หลี่เหวินชิงสถาบันวิจัยของพวกเธอยังไม่กลับมาเหรอ”
เซี่ยเหยียนเหยียนส่ายหน้า “ได้ยินว่าผอ.หลี่อีกสองสามวันถึงจะกลับมา”
ศาสตราจารย์เฉียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “ตอนนี้นักวิชาการในวงการแพทย์ที่ได้รับความเคารพนับถือมีเพียงไม่กี่คน หลี่เหวินชิงเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน อีกทั้งในฐานะที่เขาเป็นคณบดีของสถาบันวิจัยซูมี่ จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทางตี้ดูพอสมควร ทุกคนที่นี่ไม่มีใครสู้ผอ.หลี่ได้ ถ้าเธอฝากตัวเป็นศิษย์เขาได้ เขาต้องพาเธอเข้าไปที่ตี้ดูแน่นอน ที่นั่นเป็นศูนย์กลางของวงการแพทย์”
เซี่ยเหยียนเหยียนหัวใจเต้นตึกตัก เกิดความหวัง “อาจารย์คะ หนูอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ของผอ.หลี่ค่ะ หนูถึงได้เข้ามาที่ซูมี่ ตอนนี้ผอ.หลี่ยังไม่กลับมา หนูมีความหวังไม่มาก อย่างไรเสียช่วงหลายปีมานี้ผอ.หลี่ก็ไม่ได้รับใครเป็นศิษย์เลยสักคน เขาเป็นคนตาแหลม ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นใครเข้าตาเลย”
ศาสตราจารย์เฉียนตบที่มือเล็กๆของเซี่ยเหยียนเหยียนเบาๆ “ไม่ต้องกังวล ฉันพอจะสนิทกับผอ.หลี่อยู่บ้าง รอเขากลับมา ฉันจะช่วยเธอพูดให้”
“จริงเหรอคะ อาจารย์ ช่างดีกับหนูเหลือเกิน!” เซี่ยเหยียนเหยียนเผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน
เวลานี้ลู่อินอินออกมาร่วมงานแล้ว ลู่อินอินในวันนี้สวมชุดเดรสยาวสีดำ ดูสง่าผ่าเผยทั้งยังสวยงามด้วย เธอถือแก้วไวน์เดินบนพรมแดง ท่าทางราวกับเป็นนางเอกของงาน
เซี่ยเหยียนเหยียนมองไปก็เห็นลู่อินอินเลย เธอเคารพยกย่องอธิการบดีคนนี้มาก เธอหวังว่าต่อไปตนเองจะเป็นแบบอธิการบดีนี้
“อาจารย์คะ พวกเราไปหาท่านอธิการบดีกันค่ะ”
“ได้”
ศาสตราจารย์เฉียนพาเซี่ยเหยียนเหยียนมาตรงหน้าลู่อินอิน “ท่านอธิการบดี นี่คือเซี่ยเหยียนเหยียนลูกศิษย์ฉันค่ะ ฉันจำได้ว่าเซี่ยเหยียนเหยียนเข้ามาได้ก็เพราะผ่านการอนุมัติจากท่านอธิการบดีแล้ว”
สายตาลู่อินอินมองมาที่เซี่ยเหยียนเหยียน เธอจำได้แล้ว เมื่อหลายปีก่อนลู่หานถิงเคยโทรศัพท์มาหาเธอด้วยตัวเอง แนะนำคนคนหนึ่งให้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเซิ่งหลี
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับลู่หานถิงห่างเหินกันมาตลอด ลู่หานถิงถึงขนาดโทรศัพท์มาหาเธอเพื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอก็แปลกใจมาก แน่นอนว่าเธอรับปากเขาแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือเซี่ยเหยียนเหยียนที่อยู่ตรงหน้านี้
แต่ตอนนั้นเธอถามลู่หานถิงว่าเขาเป็นอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนี้ ลู่หานถิงบอกแค่เพียงว่าทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ
เซี่ยเหยียนเหยียนไม่ได้โดดเด่นอะไรเมื่อมาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซิ่งหลีที่ซึ่งบุคคลที่มีพรสวรรค์มารวมตัวกัน ดังนั้นลู่อินอินจึงไม่เคยมองมาที่เซี่ยเหยียนเหยียนเลย จากนั้นก็ค่อยๆลืมไป
เห็นว่าลู่อินอินกำลังมองมาที่ตนเอง เซี่ยเหยียนเหยียนก็เผยให้เห็นรอยยิ้มสวยออกมาทันที “ท่านอธิการบดีคะ หนูยกย่องชื่นชมท่านมาตลอด ท่านเป็นไอดอลของหนูเลยนะคะ”
ลู่อินอินเกิดในชาติตระกูลสูงส่ง เห็นคนมามากมายนับไม่ถ้วน ผ่านช่วงสมัยหลินส่วยเหยากับหลิ่วลั่วอิงนั้นมาแล้ว พี่ชายเป็นนักธุรกิจแห่งยุค หลานชายก็คือลู่หานถิงและลู่จื่อเซี่ยน ดังนั้นการเป็นคนตาถึงมองใครไม่ค่อยผิด คนที่เธอมองเห็นในสายตาก็มีแค่เด็กสาวที่มีพรสวรรค์อย่างเซี่ยซีหวั่นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีพันล้าน รักฉันให้มีสติหน่อย
นิยายที่เคยอ่านแล้วชอบหายไปหลายเรื่องเลยค่ะชอบอ่านซ้ำบางเรื่องอ่านจบแล้วก็มาเริ่มใหม่แต่ก็ไม่ต่อเนื่องค่ะ...