สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 38

"เจ้าสองแสบ มากินข้าวเร็วเข้า หากเจ้ามาช้า เจ้าแมวจอมขี้เกียจจะกินหมดก่อนพวกเจ้าแล้วนะ" เจ้าสองแสบที่ได้ยินเสียงของฟางเหนียงเรียก พวกมันที่กำลังเล่นอยู่ในสวนก็รีบวิ่งมากินข้าวเช้าที่แสนอร่อยนี้ทันที ตอนนี้เจ้าแสบสองตัวและแม่ของพวกมัน มีร่างกายที่ใหญ่ขึ้นและยังแข็งแรงมากอีกด้วย ส่วนเจ้าแมวน้อยของนางนั้นตอนนี้มันเริ่มอ้วนขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะความกินจุของมันล้วนๆ โดยเฉพาะน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี่มันกินจนท้องป่องออกมาเลยล่ะถึงจะพอใจ 

"นี่พวกเจ้า เจิ้งเจี๋ยกลับมาบ้านครั้งนี้จะปลอดภัยดีไหมนะ" นางรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง กลัวว่ากลุ่มคนร้ายพวกนั้นมันจะกลับมาลอบทำร้ายอีกครั้ง เหมียว โฮ่งๆๆ สัตว์ทุกตัวรู้ว่าตอนนี้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ จากที่พวกมันกำลังกินข้าวอย่างเมามันส์ ก็หันมาปลอบใจนางโดยทันที "พวกเจ้ากลับไปกินข้าวเถอะ ข้าแค่กังวลนิดหน่อย" พวกมันเห็นว่านางยิ้มออกมาได้แล้ว ก็พากันกลับไปกินข้าวเช่นเดิม หลังจากที่นางให้อาหารพวกมันเสร็จแล้ว นางก็มาผสมอาหารไว้ให้เป็ดไก่กินในตอนเย็น เพราะตอนเช้านางให้พวกมันกินไปแล้ว นางเอารำข้าวกับใบกระถินผสมกันครั้งนี้นางได้เด็ดใบกะเพราลงไปด้วย และบางครั้งนางก็ใส่บอระเพ็ด เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานไม่ให้พวกมันป่วยง่าย ส่วนน้ำที่นางให้พวกมันจะเป็นน้ำผสมน้ำศักดิ์สิทธิ์ และน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ผลดีมาก ตอนนี้เป็ดไก่ของนางไม่มีอาการว่าจะป่วยเลยสักตัว  

ทางฝั่งเจิ้งเจี๋ย ณ ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะอดใจไม่ไหวแล้ว เขาอยากบอกเรื่องการค้าครั้งนี้ให้ฟางเหนียงได้รับรู้เร็วๆยิ่งนัก "เจ้าเหมียวน้อย ข้าว่านะ หากฟางเหนียงได้รู้เรื่องการค้าครั้งนี้แล้ว นางต้องดีใจมากเป็นแน่" เขาพูดไปก็ยิ้มไป เพราะอีกแค่วันเดียวเขาก็ถึงบ้านแล้ว เจ้าเหมียวน้อยที่เห็นว่าเจ้านายของตัวเองตื่นเต้นก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยเช่นกัน "เหมียว เหมียว" เจ้าเหมียวร้องอ้อนอยู่ในเสื้อคลุมของเขา "ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าก็คิดเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่" เจิ้งเจี๋ยที่กำลังนั่งพักข้างรถม้าเพื่อให้ม้าทั้งสองตัวของเขานั้นได้พักกินหญ้า โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ได้มีเงาอยู่สามเงากำลังเฝ้ามองเขาอยู่ข้างพุ่มไม้ใหญ่ด้วยความมุ่งร้าย ทั้งสามเงาที่อยู่ข้างพุ่มไม้ใหญ่ในเวลานี้ คิดว่าขณะนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ทั้งสามเงาจึงวิ่งออกมาจากพุ่มไม้แล้วตรงไปทางเจิ้งเจี๋ยนั่งพักอยู่ทันที

เจ้าเหมียวน้อยที่มีความรู้สึกที่ว่องไวต่อการมาของคนนอก มันก็กระโดดออกมาจากเสื้อคลุมของเจิ้งเจี๋ยทันที แล้วยืนร้องขู่และพองตัวของมันให้ดูน่ากลัว เพื่อจะปกป้องเจ้านายของมัน "แหงว แหงว แหวง (แมวครางเสียงต่ำ)" คนทั้งสามที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเจิ้งเจี๋ยก็หยุดชะงัก ที่เห็นแมวน้อยกำลังยืนขู่พวกเขาอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งสามคนแสยะยิ้มออกมา พวกเขาคิดว่าเจิ้งเจี๋ยจะมีสัตว์ที่น่ากลัวคุ้มภัยให้ตัวเองเสียอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกแมวตัวแมวตัวเล็กๆเท่านั้น "อย่ามาร้องขู่ข้าให้เสียแรงเลยเจ้าแมวน้อย กลับไปกินนมของแม่เจ้าก่อนเถอะ ฮึ ฮึ ฮึ" หนึ่งในสามคนเอ่ยขึ้น

"พวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมาหาเรื่องข้าเช่นนี้" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยถาม "ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า" หนึ่งในสามคนนั้นพูดจบก็วิ่งเข้าไปหาเจิ้งเจี๋ยพร้อมกับอาวุธดาบเพื่อจะทำร้ายเจิ้งเจี๋ยทันที แต่เจิ้งเจี๋ยตอนนี้เขามีเพียงมีดสั้นเล่มเดียวเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าอาวุธของตัวเองจะสู้ของคนทั้งสามไม่ได้ แต่เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้เป็นใครแน่ เพราะฉะนั้นเขาจะยอมแพ้พวกมันไม่ได้ หนึ่งในสามคนที่วิ่งนำหน้ามา จู่ๆก็ร้องออกมาเสียงดัง กร๊าก แล้วล้มลงไปพร้อมกับมือที่กุมตรงบริเวณลำคอของตัวเอง ที่ตอนนี้มันมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แหงว แหงว และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเจ้าแมวน้อยใช้ความว่องไวของมันกระโดดเข้าไปกัดที่ลำคอของชายคนนั้นด้วยความรวดเร็ว จนทำให้ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ส่วนชายทั้งสองที่วิ่งตามมาติดๆ ก็ยังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าชายคนแรกนั้นเป็นอะไรถึงได้ร้องออกมา แล้วล้มทั้งยืนเช่นนั้น ทั้งสองได้แต่มุ่งหน้าไปทางเจิ้งเจี๋ย แต่คนที่สองที่จะวิ่งเข้ามาหาเจิ้งเจี๋ยนั้น ก็ถูกเจ้าแมวน้อยกระโดดกัดไปที่ข้อมือที่ถือดาบอยู่ ทำให้ดาบของชายคนร่วงจากมือของเขา แล้วใช้มืออีกข้างกุมมือที่ถูกเจ้าแมวน้อยกัด ส่วนคนที่สามนั้นเข้าไปถึงตัวเจิ้งเจี๋ยได้  ทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันในทันที จะเรียกว่าต่อสู้ก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะเจิ้งเจี๋ยนั้นได้แค่หลบหลีกกระบวนท่าต่อสู้ของคู่ต่อสู้เท่านั้น ยังไม่ได้โต้กลับเลยสักกระบวนท่าเดียว เจิ้งเจี๋ยที่ได้จังหวะจะโต้กลับ แต่ก็ต้องชะงัก เพราะเจ้าเหมียวน้อยของเขากระโดดเข้าไปกัดหูข้างซ้ายของชายคนนั้นเสียก่อน เจิ้งเจี๋ยตอนนี้ได้แต่ยืนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่นานก็ได้สติกลับคืนมาเขาก็รีบเอาเชือกไปมัดคนทั้งสามไว้ทันที แล้วลากพวกมันเข้าไปในรถม้าที่มีความเย็นจัด ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะทรมานพวกมัน ให้มันสารภาพออกมาว่ามาทำร้ายเขาเพื่ออะไรกัน

"เจ้าเหมียวน้อย เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะต่อสู้เป็นด้วย ข้าขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่มีเจ้าแล้ว ข้าคงไม่ได้กลับบ้านไปเจอฟางเหนียงด้วยสภาพที่ดีเป็นแน่" เจิ้งเจี๋ยคิดถึงสภาพร่างกายของตนเองที่ต้องต่อสู้กับคนทั้งสามแล้ว เขาคิดว่าต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเป็นแน่ เพราะตัวเขาก็ไม่ได้มีวรยุทธ์สูงถึงเพียงนั้น แค่หลบหลีกและต่อสู้ได้ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น

เจิ้งเจี๋ยบังขับรถม้าออกไปจนถึงอำเภอซีอาน แต่ยังไม่เข้าไปในตัวอำเภอเขาก็หยุดรถม้าแล้วลงไปดูทั้งสามคนที่อยู่ในรถม้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าทั้งสามคนกำลังนอนขดตัวกอดกันด้วยอาการที่สั่นเทา "ทะ ทะ อะ อะ ท่าน ขะ ขะ ข้า ยะ ยอม บะ บะ บอก แล้ว" หนึ่งในสามเอ่ยขึ้นในแต่ละคำด้วยความยากลำบาก 

"ข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้ากันแน่ ทำไมถึงได้มาลอบทำร้ายข้าเช่นนี้" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยถามพวกเขาอีกครั้ง "คะ คุณหนู ตระ ตระกูล ซู" เมื่อเจิ้งเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นไฟโทสะก็ระเบิดขึ้นมาโดยทันที "ยัยคุณหนูนี่อีกแล้วอย่างนั้นรึ" เขาเอ่ยขึ้นก็รีบปิดประตูรถม้าแล้วกลับไปบังคับรถม้าให้เข้าไปในอำเภอซีอานทันที และเขาก็ตั้งใจจะตรงไปที่จวนตระกูลซูด้วย กว่าเขาจะมาถึงก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ตอนที่เขาลากทั้งสามคนลงมานั้นไม่มีชาวบ้านคนไหนสังเกตเห็น เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนเริ่มเข้าบ้านกันหมดแล้ว เจิ้งเจี๋ยทิ้งทั้งสามคนลงหน้าจวนตระกูลซูเสร็จแล้ว ก็บังคับรถม้าไปโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสเลิศจึงเหมาะกับพ่อค้าที่เดินทางมาจากแดนไกล ที่นี่มีที่พักในราคาที่เหมาะสมและอาหารรสเลิศในราคาที่ไม่แพงมากให้เติมพลังอีกด้วย เจิ้งเจี๋ยที่ตอนแรกคิดจะเข้าไปในจวนตระกูลซู เพื่อจะถามยัยคุณหนูนั้นให้รู้เรื่องไปเลย แต่พอกลับมาคิดทบทวนดูอีกทีให้ดีแล้ว ฐานะของเขาในตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปหาเรื่องคนของตระกูลซูแบบซึ่งๆหน้าเช่นนี้ได้ เขาจึงออกมาจากจวนตระกูลซู แล้วจึงเข้ามาโรงเตี๊ยมเพื่อหาข้อมูลของตระกูลซูแทน

เจิ้งเจี๋ยเข้าไปอยู่ในโรงเตี๊ยมอยู่นานพอสมควร เขาก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่ เหยียดหยาม เขาได้ข้อมูลมาว่าตระกูลซูนั้นทำการค้าส่งออกเกี่ยวกับผักและผลไม้เป็นหลัก และตระกูลซูก็ยังเป็นเจ้าใหญ่เจ้าเดียวในอำเภอซีอานอีกด้วย หากใครไม่พอใจที่จะขายสินค้าให้ตระกูลซู ตระกูลซูก็ไม่ใยดี เพราะต่อให้ชาวบ้านจะขายให้พ่อค้าคนใดในอำเภอซีอาน สุดท้ายแล้วพ่อค้าคนที่รับซื้อจากชาวบ้านมา ก็มาขายต่อให้แก่ตระกูลซูอยู่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ