สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 40

ณ ตระกูลซู "เฟยหลิง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับคนตระกูลเหย่อีกอย่างไรล่ะ" ซูลีหมิงดุลูกสาวของตน "ทำไมล่ะท่านพ่อ ก็มันมาทำให้ข้าขายหน้าก่อนนะเจ้าค่ะ ข้าจะเอาคืนแล้วมันผิดตรงไหนกัน" ซูเฟยหลิงเถียงกลับ "ผิดที่ชาวบ้านเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วนะสิ ว่าลูกสาวคนเดียวของตระกูลซูเป็นคนร้ายกาจ รังแกได้แม้กระทั้งชาวบ้านที่ไม่ทางสู้" ซูลีหมิงตวาดเสียงใส่ลูกสาวอีกครั้ง เมื่อครั้งก่อนเหย่เจิ้งเจี๋ยยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการ แต่ครั้งนี้ที่เจิ้งเจี๋ยเอาคนของเขามาทิ้งถึงหน้าจวนเช่นนี้ ก็หมายความว่าคนของเขานั้นได้สารภาพความจริงไปทั้งหมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่งการให้ทำ เหตุการณ์ครั้งนี้บังเอิญมีชาวบ้านผ่านมาเห็นที่เจิ้งเจี๋ยเอาคนของเขามาทิ้งไว้หน้าจวนพอดี ทำให้มีข่าวลือที่เสียหายต่อตระกูลซูเป็นอย่างมาก 

"ตั้งแต่นี้ไปอีก 1 เดือนข้าขอห้ามให้เจ้าออกจากเรือนของตนเองโดยเด็ดขาด หากเจ้ายังขัดคำสั่งของข้าอีกก็เพิ่มจำนวนไปอีก 1 เดือนเป็น 2 เดือน" พูดจบซูลีหมิงก็เดินออกไปทันที "ท่านพ่อ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านพ่อ อร๊าย!!! เพราะเจ้าคนเดียว เหย่เจิ้งเจี๋ย คอยดูเถอะหากข้าออกไปได้เมื่อไหร่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่" ซูเฟยหลิงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธแค้น โดยไม่คิดไตร่ตรองคำพูดของท่านพ่อของตนเองเมื่อครู่สักนิดเลยว่า หากทำเช่นนี้อีกจะทำให้ตระกูลซูนั้นได้รับความเสียหายมากเท่าใด

ณ หมู่บ้านอันชัง หลังจากที่ต้นกล้ามีความสมบูรณ์แล้ว ฟางเหนียงก็ให้ชาวบ้านมารับต้นกล้าไปลงแปลงใหญ่ และรับปุ๋ยวิเศษที่นางซื้อเพิ่มมาจากระบบ 50 ห่อ ราคาห่อละ 1 ตำลึงเงิน ก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับคุณภาพที่ได้รับจากปุ๋ยวิเศษนี้ ในหมู่บ้านมีครอบครัวของชาวบ้านประมาณ 40 ครัวเรือน การเพาะกล้าแค่รอบเดียวนั้นไม่พอแน่นอน การเพาะกล้าแต่ละครั้งจะได้อยู่ที่ประมาณ 10 ครัวเรือน นางจะต้องเพาะกล้าทั้งหมด 4 ครั้งถึงจะครบ หลังจากที่ครบทุกครัวเรือนแล้ว ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวของครอบครัวที่ได้รับต้นกล้าไปรอบแรกพอดี และที่ไร่ของนางก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเช่นกัน ก่อนที่จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวเจิ้งเจี๋ยได้ไปซื้อรถม้าเพิ่มมาอีก 2 คัน และทำทุกอย่างเหมือนกับรถม้าคันแรก 10 ครัวเรือนในรอบแรกเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็เอามาขายให้นางทันที แต่ละครัวเรือนได้มะเขือเทศมาขายไม่ต่ำกว่า 300 กงจิน ชาวบ้านที่เห็นก้อนเงินที่ได้รับมานั้นถึงกับนิ่งอึ้งไป ครั้งนี้มีคนที่ปลูกได้มากสุดถึง 500 กงจิน ครอบครัวนี้ไม่เคยเห็นที่มีจำนวนมากเช่นนี้มาก่อน ทำให้ผู้เป็นภรรยาเป็นลมล้มพับไปในทันที

หลังจากที่รับซื้อมะเขือเทศของรอบแรกเรียบร้อยหมดแล้ว เจิ้งเจี๋ยก็ได้จ้างผู้ชายอีก 3 คนที่บังคับรถม้าเป็น ออกเดินทางไปส่งสินค้าที่เมืองเฟิ่งฟู่ด้วยกัน การเดินทางครั้งนี้มีคนร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คนและเจ้าเหมียว 1 ตัว ทั้ง 4 คนเดินทางมาถึงเมืองเฟิ่งฟู่ก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เพราะมีพ่อค้าจำนวนมากที่มารอรับซื้อมะเขือเทศของพวกเขา รถม้าทั้ง 3 คันที่มีมะเขือเทศอยู่เต็มคันรถนั้น ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วยามด้วยซ้ำรถม้าทั้ง 3 คันก็มีแต่กล่องไม้ที่ว่างเปล่าอยู่ในรถม้า ถึงจะเอามาถึง 3 คันก็เถอะ แต่ก็ยังไม่พอสำหรับขายอยู่ดี ครั้งนี้มีคนอยากจองและจะจ่ายมัดจำจำนวนมาก แต่เจิ้งเจี๋ยคิดว่าการขายเช่นนี้ดีกว่ามัดจำไว้ ใครมาก่อนก็ได้ก่อนไม่ต้องมีปัญหาหากสินค้าไม่พอที่ลูกค้าจองไว้ 

หลังจากที่ขายมะเขือเทศเรียบร้อยแล้วเจิ้งเจี๋ยก็เข้าไปพักผ่อนในรถม้า เขาได้เปลี่ยนจากหยกหิมะที่อยู่ในรถม้าเป็นถ่านหินแทนเพื่อจะทำให้รถม้ามีความอบอุ่นมากขึ้น ไม่ต้องไปเช่าโรงเตี๊ยมนอนเพราะเขามีเสื้อคลุมและผ้าห่มที่ฟางเหนียงนั้นเตรียมไว้ให้ส่วนอีก 3 คนนั้นได้ออกไปเดินเล่นในตลาดของเมืองเฟิ่งฟู่ พวกเขาตัดสินใจกันแล้วว่าจะพากันนอนอยู่ที่นี่ 1 คืนพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางกลับตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้ง 3 คนที่กลับมาจากการเดินเล่นที่ตลาดมานั้นแต่ละคนได้ของฝากกลับบ้านล้นไม้ล้นมือกันไปหมด ส่วนเจิ้งเจี๋ยนั้นก็เคยซื้อกลับไปครั้งหนึ่งเช่นกัน แต่ฟางเหนียงที่เห็นเขาซื้อของไปเยอะถึงเพียงนั้นก็บ่นให้เขาจนหูชาไปหมด นางบ่นว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละอิแปะนั้นแสนลำบาก จะใช้เงินแต่ละครั้งต้องคิดว่ามันจำเป็นจริงๆ ถึงค่อยซื้อ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยซื้อของกลับบ้านอีกเลย นอกจากฟางเหนียงจะให้เขาซื้อกลับไปเท่านั้น

"เจิ้งเจี๋ยเจ้าไม่ซื้อของไปฝากภรรยาเจ้าบ้างรึ" ชายวัยกลางคนที่มาด้วยกันเอ่ยถาม "ไม่ล่ะขอรับ แล้วท่านล่ะได้อะไรไปฝากภรรยาบ้างขอรับ ซื้อไปแค่นี้จะพอหรือ หากไม่พอก็ไปซื้อเพิ่มได้เลยนะขอรับ" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยขึ้น เพราะที่นี่มีของที่น่าสนใจอยู่มากจนไม่รู้จะเลือกซื้ออะไรดีไปฝากภรรยา มีทางเดียวที่จะทำได้คือซื้อของที่คิดว่าน่าสนใจแล้วค่อยให้ภรรยาเลือกทีหลัง ทั้งสามคนมีความคิดเช่นเดียวกันที่เจิ้งเจี๋ยเคยมี "ไม่แล้วล่ะ แค่นี้ข้าก็เตรียมหูไว้รับคำบ่นของนางไม่ไหวแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ทั้งสี่หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายหลังจากที่พี่ชายคนนี้พูดจบ เพราะทุกคนที่ซื้อของในครั้งนี้ก็คิดเช่นเดียวกันหมด ทำให้พวกเขาต้องหัวเราะร่าออกมาเสียงดังเช่นนี้

เช้าวันต่อมาทั้ง 4 คนก็พากันออกเดินทางตั้งแต่เจ้าตรู่ การเดินทางกลับครั้งนี้ไม่ได้เจอกับปัญหาอะไร ทุกคนเดินทางถึงหมู่บ้านโดยสวัสดิภาพ "เจิ้งเจี๋ยเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เหนื่อยมากหรือไม่" ฟางเหนียงเอ่ยถาม หลังจากที่เจิ้งเจี๋ยมาถึงบ้าน "ไม่เหนื่อยมากนัก ข้าแค่ล้านิดหน่อยเพราะนั่งรถม้านานไป แล้วอีกกี่วันถึงจะได้ส่งของในรอบต่อไป" เขาเดินทางไปกลับก็ร่วม 12 วัน ไม่กี่วันก็น่าจะถึงรอบต่อไป "อีกประมาณ 3 วันได้" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบ "ฟางเหนียง ข้าอยากรับผักไปขายด้วยได้หรือไม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร" ฟางเหนียงที่กำลังรินชาอยู่ ก็เงยหน้ามองเขา "เจ้าจะไหวหรือ ไปกลับจากเมืองเฟิ่งฟู่นั้น มันใช่เวลาเกือบครึ่งเดือนเลยนะ แล้วเจ้าจะหาผักจากที่ไหนได้เยอะแยะถึงเพียงนั้น ในอำเภอนี้ก็เป็นตระกูลซูที่รับซื้อทั้งหมด แล้วเจ้าจะรับซื้อจากใครกัน" เจิ้งเจี๋ยได้ยินสิ่งที่ฟางเหนียงเอ่ยขึ้น เขาก็ยิ้มเยาะออกมาทันที

ฟางเหนียงที่เห็นท่าทางของเจิ้งเจี๋ยแล้วก็รู้สึกแปลกใจ วันต่อมาเจิ้งเจี๋ยก็ให้คนที่ไว้ใจได้ 3-4 คนออกไปกระจายข่าวในหมู่บ้านต่างๆ ว่าเขารับซื้อผักสวนครัวต่างๆ และราคาที่รับซื้อนั้นรับรองได้เลยว่าสมเหตุสมผลกับสินค้าที่นำมาขายให้เขาแน่นอน และเขายังให้ทั้ง 4 คนนั้นปล่อยข่าวว่าเขามีปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตของพืช และปุ๋ยที่เพิ่มผลผลิตขายอีกด้วย ทุกคนได้รับคำสั่งก็พากันแยกย้ายไปในที่หมู่บ้านต่างๆ ที่วางแผนกันไว้แล้ว ทุกคนค่อยๆปล่อยข่าวลือให้ทีละคนทีละคนได้ฟัง บางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ แต่จะมีบางคนที่ไม่เชื่อเพราะเคยถูกหลอกจากตระกูลซูมาก่อน ตระกูลซูนั้นมักจะกดราคาผักของพวกเขาในราคาที่ต่ำเป็นอย่างมาก บางครั้งที่เอาไปขายยังได้แค่ทุนกลับมาเท่านั้น กำไรนั้นแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำไป หากมีพ่อค้ารายอื่นมีการเสนอซื้อผักในราคาที่สูงกว่าที่ตระกูลซูให้ พวกเขาก็พร้อมที่จะเดินทางไปขายให้พ่อค้าผู้นั้นอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ