สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 42

"ฟางเหนียง แล้วข้าวโพดนี้เอามาทำอาหารอย่างอื่นได้หรือไม่" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยถามขณะที่เขากำลังรดน้ำต้นกล้าของข้าวโพดอยู่ ตั้งแต่ที่เขาไปส่งมะเขือเทศของรอบสุดท้ายเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อน เจิ้งเจี๋ยและฟางเหนียงก็ช่วยกันปลูกข้าวโพด ในสวนทั้งหมดหลังจากที่ถอนต้นมะเขือเทศออกแล้ว "ได้สิ มีหลายเมนูเลยล่ะ ไม่ว่าจะเอามาปิ้ง ทอดใส่หมู ทอดใส่แป้ง ทำขนมหวาน ทำซุปข้าวโพด ทำข้าวผัดข้าวโพดก็ได้เช่นกัน" เจิ้งเจี๋ยไม่คิดเลยว่าข้าวโพดจะเอามาทำเมนูได้มากเช่นนี้ "อ่อ อีกอย่างนะที่ข้าลืมบอกเจ้า ข้าวโพดสามารถเอามาทำแป้งได้ด้วยนะ" เจิ้งเจี๋ยทำหน้าสงสัย "แป้งอย่างนั้นรึ เหมือนกับแป้งถั่วใช่หรือไม่" ฟางเหนียงพยักหน้าตอบ "ใช่แล้วล่ะ แต่แป้งข้าวโพดจะนิ่มกว่า ไม่แข็งเหมือนแป้งถั่วทั่วไป" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าเข้าใจ

ฟางเหนียงนึกได้ว่ายังไม่เก็บเงินเข้าตู้ นางจึงขอตัวเข้ามาในบ้านก่อน ฟางเหนียงเข้ามาในห้องเพื่อเอาเงินที่ขายมะเขือเทศได้ทั้งหมดเข้าไปไว้ในตู้เก็บเงินของนาง ยอดเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายมะเขือเทศครั้งนี้อยู่ที่ 1,000 พันตำลึงทอง "โฮ!!! ได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย" ฟางเหนียงวางเงินทั้งหมดไว้ในตู้แล้วปิดประตู (กำลังประมวลผล กรุณารอสักครู่) นางรอไม่นานเสียงแจ้งเตือนก็ดังออกมาอีกครั้ง (คุณทำภารกิจเสร็จสมบูรณ์ โปรดรับรางวัล) ฟางเหนียงลุ้นอยู่ในใจว่าครั้งนี้นางจะได้อะไร " (นี่คือตะกร้ามิติ ที่มีขนาดพื้นที่เท่ากับบ้านหนึ่งหลัง รางวัลครั้งนี้ที่คุณได้รับถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ และถ้าหากคุณได้รับรางวัลใหญ่แล้ว จะไม่มีรางวัลอื่นมาเพิ่มอีก) " ว้าว!! ต่อให้ได้มาแค่อย่างเดียวรางวัลครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ ฟางเหนียงถือตะกร้าออกมาด้านนอก ก็เห็นว่าเจิ้งเจี๋ยกำลังนั่งรอนางอยู่ที่โต๊ะทานข้าว "เจ้าคงสงสัยอะไรกับตัวข้าหลายๆอย่างสินะ ข้าอาจจะพูดมันบอกเจ้าไม่ได้ แต่ข้ารับรองเลยว่าสิ่งที่ข้าทำอยู่นั้นไม่ได้ทำให้เจ้าหรือใครเดือดร้อนแน่นอน และนี่คือสิ่งที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ มันคือตะกร้ามิติ" ฟางเหนียงอธิบายการใช้งานของตะกร้ามิตินี้ให้เจิ้งเจี๋ยได้ฟัง เผื่อว่าเขาจะต้องเอาไปใช้ในการทำการค้าได้ ที่นางยอมพูดเช่นนี้กับเจิ้งเจี๋ย เพราะระบบรู้ว่าเจิ้งเจี๋ยเป็นคนเช่นไร

ส่วนเจิ้งเจี๋ยที่รู้คุณสมบัติของตะกร้ามิติแล้วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อยู่เช่นนั้น ด้วยความตะลึงงัน "ตะกร้ามิตินี้ มันสามารถทำได้อย่างที่เจ้าบอกได้จริงๆรึ" ฟางเหนียงเห็นว่าเจิ้งเจี๋ยยังมีความสงสัยอยู่ นางจึงเอาแจกันที่อยู่บนโต๊ะเข้าไปในตะกร้า จู่ๆแจกันที่เห็นว่าอยู่ในตะกร้า ก็ได้หายวับไปในพริบตา "หะ หะ หายไปแล้ว" เจิ้งเจี๋ยพึมพำออกมาด้วยเสียงติดๆขัดๆ "มันไม่ได้หายไปไหนหรอกนะมันอยู่ในตะกร้านี่แหละ และนี่เจ้ากดตรงนี้ แล้วจะมีภาพขึ้นมาเช่นนี้ เจ้าใช้นิ้วของเจ้าชี้ไปตรงสิ่งของที่เจ้าต้องการได้ เจ้าสามารถจัดระเบียบให้มันได้ตามที่เจ้าต้องการ และหากว่าเจ้าต้องการที่จะเอามันออกมาเจ้าก็กดจำนวนตรงขวามือเล็กๆนี้ ที่ระบบได้นับไว้ให้แล้ว แล้วกดรถเข็นนี้ ของที่เจ้าต้องการก็จะออกมาเช่นนี้" ฟางเหนียงสาธิตวิธีใช้ให้เจิ้งเจี๋ยได้เห็น และเอาแจกันออกมาวางไว้ที่เดิม

หลังจากที่นางอธิบายให้เจิ้งเจี๋ยเข้าใจแล้วก็มีเสียงเรียกดังออกมาจากด้านนอก "มีคนอยู่บ้านไหมขอรับ" ทั้งสองเดินออกมาก็เห็นว่าชายแปลกหน้าสามคนลงมาจากรถม้าที่มีเกวียนบรรจุของมาด้วยสองคัน "ไม่ทราบว่าพวกท่านมาหาใครหรือขอรับ" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยถาม "พวกข้ามาหาพ่อค้าที่จะรับซื้อผักนะ ได้ยินมาว่าเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าเลยถามชาวบ้านว่ามีบ้านหลังไหนบ้างที่รับซื้อผัก ชาวบ้านจึงบอกว่าที่นี่รับซื้อมะเขือเทศแต่ไม่แน่ใจว่ารับซื้อผักด้วยหรือไม่ เลยแนะนำให้ข้ามาถามเจ้าของบ้านดูก่อน" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้า  แล้วเจิ้งเจี๋ยก็เอ่ยขึ้น "พวกท่านมาถูกที่แล้วล่ะ ข้านี่แหละที่เป็นคนรับซื้อผักทุกชนิด" ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา เจิ้งเจี๋ยเอ่ยชวนทั้งสามท่านเข้าไปนั่งดื่มชาในบ้านก่อน หลังจากที่ทุกคนนั่งลงครบแล้ว ฟางเหนียงก็เข้าไปในครัวเอาชามารินให้กับทุกคน "แล้วจริงหรือไม่ ที่ว่าเจ้ารับซื้อผักในราคาที่สูงกว่าปกติ" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบ "อย่างที่ข้าเคยฝากข้อความออกไป ก็ขึ้นอยู่กับความสดใหม่ของผักด้วยขอรับ" ทั้งสามพยักหน้าพร้อมกัน แล้วชวนให้เจิ้งเจี๋ยไปดูผักที่พวกเขาเอามาด้วย

การที่ทั้งสามยอมเสี่ยงเอาผักมาขายให้เจิ้งเจี๋ยนั้น เพราะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เพราะผักของคนในหมู่บ้านปลูกนั้น เป็นผักที่เหี่ยวเร็วกว่าผักชนิดอื่นๆ ตระกูลซูจึงกดราคาผักของชาวบ้านด้วยราคาที่ต่ำกว่าทุนเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาตัดสินใจเป็นตัวแทนหมู่บ้านเพื่อมาขายผักที่นี่ ถึงแม้ว่าหากมาที่นี่แล้วอาจจะผิดหวังกลับไป อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รู้ว่าควรปลูกผักชนิดใดได้บ้างเพื่อจะขายให้ตระกูลซู ถึงจะได้กำไรที่น้อยมากแต่อย่างน้อยก็มีรายได้เข้ามาในครอบครัว เจิ้งเจี๋ยออกมาดูผักที่พวกเขาเอามาขาย มันสดใหม่และก็มีแต่ต้นที่สมบูรณ์มาก พวกเขาปลูกผักด้วยความใส่ใจมากจริงๆ เห็นผักพวกนี้แล้วเจิ้งเจี๋ยก็ชักจะเริ่มโมโหให้กับตระกูลซูขึ้นมา ตระกูลซูนี้ช่างใจร้ายมากยิ่งนัก กว่าชาวบ้านจะปลูกผักมาขายได้นั้นไม่ใช่เรื่องไม่เลย แล้วตระกูลซูยังคิดจะเอาเปรียบชาวบ้านได้ถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน

"ข้าจะรับซื้อผักของพวกท่านทั้งหมด เราเข้าไปคุยกันเรื่องราคาด้านในกันต่อเถอะขอรับ" ทั้งสี่คนคุยกันได้ถูกคอกันมาก พวกเขาทั้งสามคนพอใจกับราคาที่เจิ้งเจี๋ยเสนอให้กับพวกเขามาก ทั้งสี่คนคุยเรื่องสถานที่ครั้งหน้าที่ไปจะรับซื้อ เพราะเจิ้งเจี๋ยไม่อยากให้ชาวบ้านคนอื่นๆต้องมาลำบากกับการเดินทางเหมือนทั้งสามคนนี้ อีกอย่างหากเขาไปรับเอง ผักทั้งหมดก็จะไม่บอบช้ำมากนัก เจิ้งเจี๋ยจึงเสนอว่าหากพวกเขาพร้อมจะขายก็ให้ติดต่อมา แล้วเขาจะส่งคนไปรับสินค้าเอง "พวกข้าทั้งสามคนต้องขอบคุณท่านมาก ครั้งนี้ที่พวกข้าตัดสินใจมาไม่ผิดหวังจริงๆ ครั้งนี้ชาวบ้านยังไม่ยอมขายผักให้ตระกูลซูกันเลยสักคน เพราะยังยอมรับกับราคาที่ตระกูล ซูเสนอมาให้ยังไม่ได้ ตอนนี้ผักที่หมู่บ้านของพวกข้าพร้อมขายกันแล้ว หากท่านจะส่งคนไปรับซื้อในเวลานี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบ "ขอบคุณท่านทั้งสามมากนะขอรับ ที่ลำบากมาถึงที่นี่ แล้วข้าจะส่งคนของข้าไปในวันพรุ่งนี้นะขอรับ"

หลังจากที่เจิ้งเจี๋ยออกมาส่งคนทั้งสามกลับแล้ว เขาก็เข้ามาคุยกับฟางเหนียงเรื่องตะกร้ามิติ "ฟางเหนียง หากข้าจะใช้ตะกร้ามิติไปรับผักที่หมู่บ้านของพวกเขาที่มาวันนี้ ตะกร้ามิติจะรับได้หมดหรือไม่ แล้วผักของเราจะเหี่ยวเฉาหรือเปล่า" ถึงฟางเหนียงจะอธิบายให้เขาฟังแล้วก็เถอะ เขาก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก "แน่นอน มันจะใส่ได้ทั้งหมด และมันยังทำให้ผักที่อยู่ข้างในตะกร้าสดใหม่เหมือนเพิ่งเก็บเกี่ยวเลยล่ะ เจ้าลองเอาผักที่รับซื้อมาวันนี้เข้าไปในตะกร้าดูสิ" เจิ้งเจี๋ยทดลองแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก เจิ้งเจี๋ยเก็บผักเข้าตะกร้ามิติเสร็จไม่นาน ก็มีชาวบ้านจากต่างหมู่บ้านที่ส่งตัวแทนมาขายผักให้เขา เข้ามาหาเขาอีกหลายหมู่บ้าน ฟางเหนียงกับเจิ้งเจี๋ยต้อนรับทุกคนด้วยความยินดี เจิ้งเจี๋ยพูดคุยกับตัวแทนของหมู่บ้านเหมือนกับหมู่บ้านแรกทุกอย่าง ทำให้ตัวแทนทุกหมู่บ้านรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ