สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 43

ณ ตระกูลซู "นายท่านขอรับ หมู่บ้านที่เราเคยไปรับซื้อผัก ตอนนี้ไม่มีหมู่บ้านไหนยอมขายให้เราเลยขอรับ" ตระกูลซูในตอนนี้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตก็ว่าได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้ เขารับซื้อผักจากหมู่บ้านต่างๆไม่ได้เลยสักหมู่บ้าน รายรับไม่มีเข้ามาในครอบครัวเลยตระกูลซูถึงกับเอาสมบัติเก่าที่เคยสะสมไว้ไปขาย เพื่อมาใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนบ่าวในเรือนก็ขายออกไปเกือบหมดแล้วเหลือแค่ไม่กี่คนเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่นานตระกูลซูคงต้องได้ล้มละลายเป็นแน่ ตระกูลซูจึงจ้างคนไปสืบหาว่าใครกันแน่ที่เป็นคนรับซื้อผักของหมู่บ้านต่างๆ จนทำให้ตระกูลซูต้องเดือดร้อนเช่นนี้ แต่สืบอย่างไรก็หาไม่เจอเลยสักครั้ง แอบถามชาวบ้านก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน ถามคนบังคับรถม้าก็ยิ่งไม่รู้ไปกันใหญ่ เพราะพวกเขามีหน้าที่ซื้อผักจากชาวบ้านแล้วบังคับรถม้าไปที่โรงเตี๊ยมที่มีพื้นที่ในการจอดรถม้าอยู่ด้านใน หลังจากที่พวกเขาจอดรถม้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปดื่มชาในโรงเตี๊ยมสักพัก ออกมาก็จะมีคนบอกว่าวันพรุ่งนี้ ใครจะได้รถม้าคันไหนไปบังคับเท่านั้น ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีความรอบคอบเป็นอย่างมาก เพราะตรงที่จอดรถม้าจะมีกำแพงกั้นและมุ้งหลังคาอย่างมิดชิด การที่จะมองจากด้านนอกเข้าไปด้านในนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเป็นเช่นนี้เรื่องนี้จึงทำให้ตระกูลซูนั้นหัวเสียเป็นอย่างมาก หากยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังต่อไปตระกูลซูจะต้องไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนการค้าอีกต่อไป

ณ หมู่บ้านอันชัง "เหมยเหม่ย เจ้าอย่าเดินให้มากสิ เดี๋ยวหลานของข้าจะเหนื่อยนะ" ฟางเหนียงบ่นให้เหมยเหม่ยที่ตอนนี้เดินดูโน่น ดูนี่ ในสวนของนางไม่หยุด ไม่ได้เป็นห่วงลูกในท้องเลยสักนิด "ให้ข้าได้เดินบ้างเถอะ ที่บ้านของสามีข้าก็ไม่ให้ข้าทำอะไรเลย เดินไปไหนก็ไม่ได้ ข้ายังแอบคิดอยู่เลยว่าสรุปแล้ว ข้าเป็นคนท้องหรือว่าเป็นคนพิการกันแน่ เฮ้อ" เหมยเหม่ยพูดแล้วก็เหนื่อยใจจริงๆ ทั้งสามีตน ทั้งเพื่อนของตนไม่ต่างกันเลย "ข้ากลัวว่าเจ้ากับลูกจะเป็นอันตรายนี่น่า ข้าเป็นห่วงเจ้านะ" สามีของเหมยเหม่ย จงหานตง เอ่ยขึ้น "ท่านพี่ ก็เป็นซะอย่างนี้" เหมยเหม่ยพูดด้วยเสียงง้องอน ฟางเหนียงที่เห็นท่าทางของเพื่อนตนเองแล้วก็ยิ้มออกมา "เอาเถอะๆ สามีเจ้าก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น เจ้าอย่างอนเขาเลยนะ" เหมยเหม่ยสะบัดหน้าหนีฟางเหนียงที่พูดเข้าข้างสามีของตน "อ่าๆๆ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าเดินเล่นไปทางเล้าไก่ของข้าดีหรือไม่ ตอนนี้ในเล้ากำลังมีลูกเจี๊ยบเยอะเลยล่ะ" เหมยเหม่ยรีบหันขวับมาทางฟางเหนียงด้วยรอยยิ้มทันที "จริงรึ เช่นนั้นเราไปกันเถอะนะ เพื่อนรักของข้า" ฟางเหนียงส่ายหัวไปมากับอารมณ์ที่ขึ้นลงของคนท้องคนนี้ ทั้งสองคนเดินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน สามีของเหมยเหม่ยก็เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ

ส่วนเจิ้งเจี๋ยนั้นตอนนี้เขากำลังวุ่นวายกับธุรกิจการค้าที่ไปด้วยดีของเขาอยู่ที่เมืองเฟิ่งฟู่ ในตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าเจิ้งเจี๋ยนั้นมีอิทธิพลต่อเรื่องการค้าทางการเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะผักและผลไม้ที่เขานำไปขายนั้นเป็นของที่สดใหม่มากเหมือนกับว่าเพิ่งเก็บเกี่ยวแล้วเอามาขายทันที เรื่องนี้มีพ่อค้าหลายคนไปสืบหาว่าเจิ้งเจี๋ยทำเช่นไรกันแน่ แต่ก็ไม่เคยมีใครรู้วิธีการเก็บผักและผลไม้ของเขาเลยสักคนเดียว รู้แค่ว่าในรถม้าของเขานั้นมีความเย็นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเย็นเพราะอะไร และเขายังเป็นที่ถูกจับตามองเรื่องของผักชนิดใหม่อีกด้วย เพราะเจิ้งเจี๋ยมีมะเขือเทศและข้าวโพดที่ตลาดกำลังต้องการสูงมากครอบครองอยู่ ถึงเขาจะเอามาขายมากเพียงใดก็ไม่เคยพอขายเลยสักครั้ง 

"ฟางเหนียง แล้วตอนไหนเจ้าจะมีน้องสักทีล่ะ" เหมยเหม่ยเอ่ยถาม "ข้าก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน ตระกูลข้าเป็นตระกูลที่มีบุตรยากอยู่แล้ว หากจะให้มีเร็วเช่นเจ้าคงเป็นไปได้ยาก" เหมยเหม่ยพยักหน้า "เจ้าท้องใหญ่เช่นนี้อย่าเดินไปไกลนักเลยนะ ข้าว่าเรากลับเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ" หลังจากที่ทั้งสามเดินมาถึงเล้าไก่ไม่นาน ฟางเหนียงก็ชวนเหมยเหม่ยกลับเข้าไปในบ้าน เพราะเป็นห่วงเหมยเหม่ยและเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง "แล้วสามีของเจ้าจะกลับมาเมื่อใดรึ" เหมยเหม่ยเอ่ยขึ้น เพราะนี้ก็หลายวันแล้วที่เหมยเหม่ยกลับมาเพื่อจะมาคลอดลูกที่บ้านเกิด แต่ก็ยังไม่เห็นว่าสามีของฟางเหนียงจะกลับมาจากเมืองเฟิ่งฟู่สักที "ช่วงนี้น่าจะกำลังยุ่งๆอยู่ เพราะการค้าของเรานั้น ไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก" เหมยเหม่ยทำหน้าเข้าใจ "อ่า เช่นนั้นเองรึ เช่นนั้นแล้วข้าขอให้การค้าของเจ้าดีขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่าเลยนะ เฮง เฮง เฮง" ฟางเหนียงได้ยินคำอวยพรของเหมยเหม่ยก็หัวเราะออกมาทันที "ขอรับคำอวยพรนี้เจ้าค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

หลังจากที่เหมยเหม่ยกลับไปไม่นาน เจิ้งเจี๋ยก็กลับมาจากเมืองเฟิ่งฟู่ "ฟางเหนียงข้ากลับมาแล้ว" เจิ้งเจี๋ยตะโกนออกมาเสียงดังจากด้านนอก ส่วนฟางเหนียงนั้น ตอนนี้นางกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้อง เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ "ข้าอยู่ในห้อง เจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกสักครู่ เดี๋ยวข้าออกไป" ฟางเหนียงก็รีบตอบกลับทันที เพราะกลัวว่าเจิ้งเจี๋ยจะเข้ามาในห้องขณะที่นางยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เจิ้งเจี๋ยนั่งรอฟางเหนียงไม่นานนางก็ออกมาจากห้องแล้วนางก็เอ่ยขึ้น "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยมากหรือไม่" เจิ้งเจี๋ยส่ายหน้า "ข้าไม่เหนื่อย แค่ได้เห็นหน้าเจ้าก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ" เจิ้งเจี๋ยพูดเย้าหยอก "เจ้ารีบไปอาบน้ำล้างตัวเถอะ เดี๋ยวข้าจะอุ่นกับข้าวไว้รอ" ฟางเหนียงรีบไล่เขาไปอาบน้ำทันที หากปล่อยไว้นานกว่านี้คงต้องได้โยงไปเรื่องอื่นเป็นแน่ เจิ้งเจี๋ยที่เห็นว่าภรรยาตนเองนั้นรู้ทันแผนการของเขา เจิ้งเจี๋ยก็ทำหน้าเซ็งทันที แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงคืนนี้เขาจะไม่ปล่อยนางไปแน่นอน ฝากไว้ก่อนเถอะนะภรรยาของข้า

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วทั้งสองคนก็นั่งคุยกันเรื่องที่เจิ้งเจี๋ยไปทำการค้าที่เมืองเฟิ่งฟู่ "ตระกูลซูตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง" ฟางเหนียงเอ่ยขึ้น "ตอนนี้น่าจะเอาสมบัติเก่ามาใช้บ้างแล้ว ในจวนก็เงียบๆแล้วเช่นกัน" เจิ้งเจี๋ยตอบด้วยเสียงที่ไม่รู้สึกอะไรพร้อมกับจิบชาไปช้าๆ "อย่างนั้นรึ แล้วท่านป้าของเจ้าล่ะ" นางได้ยินมาว่าช่วงนี้การค้าของท่านป้าของเขาไม่สู้ดีนัก "การค้าส่วนของการเกษตร ข้าได้คู่ค้ามาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่คู่ค้าส่วนของแป้งเท่านั้น เพราะข้ายังหาโรงงานที่ผลิตแป้งคุณภาพดีไม่ได้ แต่ว่าแค่คู่ค้าการเกษตรก็ทำให้ท่านป้าอยู่ไม่เป็นสุขแล้วล่ะ เพราะทำการค้าครั้งนี้ข้าใช้ชื่อของลูกท่านป้าเอง" ฟางเหนียงทำหน้าสงสัย "ลูกชายของท่านป้าอยากทำธุรกิจแทนแม่ตนเองมานานแล้ว แต่แม่ของเขาไม่ยอมวางมือเสียที เขาจึงเลือกที่จะทำเช่นนี้เพื่อจะได้ครอบครองธุรกิจทั้งหมดของแม่ตนเอง" ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าจะแย่งคู่ค้าของแม่ตนเองเช่นนี้ ฟางเหนียงคิดในใจ "ที่แม่ของเขาไม่กล้าวางมือเพราะลูกยังไม่เก่งเรื่องการค้ามากพอ หากวางมือตอนนี้การค้าได้ล้มละลายอย่างแน่นอน แต่ความโลภของลูกชายนั้นมีมากไป เขาจึงมาขอให้ข้าไปช่วยเขาในเรื่องนี้ ข้าไม่เห็นว่าข้าจะเสียผลประโยชน์อะไร ก็เลยร่วมมือกับเขาไป" จะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ หากเจ้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไร เจ้าคงไม่ไปยุ่งกับครอบครัวนี้ให้สกปรกความคิดของเจ้าหรอกมั้งเจิ้งเจี๋ย "เจ้ามันร้าย สามีของข้า"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ