ฟางเหนียงเดินไปเรื่อยๆ มองดูบ้านของชาวบ้านในยุคนี้ บ้านแต่ละหลังไม่ใหญ่มากนักแล้วก็ไม่ได้ติดกันมากเหมือนอยู่ในยุคที่นางจากมา “ว้าว!!! บ้านโบราณของแท้ใช่ไหมเนี่ย โชคดีสุดๆ เลยแฮะ เกิดมาครั้งเดียวได้เห็นถึงสองชาติ” ฟางเหนียงตื่นเต้นมากๆ กับสิ่งที่ได้พบเจอเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่านางตกมาอยู่ยุคโบราณยุคไหน แต่ถือว่าโชคดีมากจริงๆ ที่นางยังไม่ตาย แถมยังได้มาเจอสิ่งแปลกใหม่ที่นางไม่เคยได้เห็นหรือเคยสัมผัสมาก่อน ชีวิตนี้นางเกิดมาคุ้มจริงๆ “ชาวบ้านเขาตื่นกันแต่เช้าถึงเพียงนี้เลยรึ แม้แต่เด็กเล็กก็ยังตื่นมาช่วยท่านพ่อท่านแม่ออกไปทำสวนแล้ว แข็งแรงเกินไปแล้วนะเจ้าหนู” นางมองดูครอบครัวหนึ่งที่กำลังช่วยกันทำสวนอยู่ มีเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 7-8 ขวบที่กำลังช่วยท่านพ่อของเขาถางหญ้าอย่างขะมักเขม้น หากเป็นยุคที่นางจากมาเด็กเล็กเพียงนี้คงไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ กันอยู่เป็นแน่ นางเดินไปมองดูวิถีชีวิตที่ชาวบ้านทำเป็นชีวิตประจำวันไป นางรู้สึกชอบบรรยากาศเช่นนี้มาก อย่างบอกไม่ถูก ไม่วุ่นวาย เรียบง่ายดี นางเดินมองนี้ มองนั้น ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดขึ้นรถม้า
“มีรถม้าให้นั่งอย่างกับซีรีย์เลยล่ะ หากยามนี้อยู่ในซีรีย์จริงๆ ข้าต้องเป็นตัวเอกแน่ๆ คริ คริ ก็ข้าสวยขนาดนี้นี่น่า” นางหลงตัวเองอย่างไม่อายเพราะนางในยุคนี้สวยมากจริงๆ ที่นี่มีรถม้าแค่ 2 คันเท่านั้น ใครที่รีบไปทำงานหรือซื้อของในตอนเช้าก็ต้องรีบมาตั้งแต่ยามเหม่า (ตี 5 ถึง 7 โมง) หากขึ้นไม่ทันก็ต้องรอถึงยามซื่อ (9 โมง ถึง 11 โมง) เพราะรถม้าจะไปรอบใหม่ในยามนั้น “ฟางเหนียง เดินเร็วๆ เข้า รถม้าจะไม่มีที่นั่งเหลืออยู่แล้วนะ” เหมยเหม่ยเรียกฟางเหนียงให้รีบมาขึ้นรถม้าเพราะคนเริ่มเยอะแล้ว รถม้าที่นี่จะไม่มีการจองที่นั่งไว้ให้กัน ใครมาถึงก่อนก็ได้ที่นั่งก่อน “ข้ากำลังไปแล้ว เจ้ารอข้าด้วย” นางรีบวิ่งไปทางที่เหมยเหม่ยยืนอยู่ แล้วพากันขึ้นไปนั่งบนรถม้า ยังดีที่นางวิ่งมาได้ทัน ไม่อย่างนั้นนางไม่ได้ไปในรอบนี้แน่ นางทั้งสองคนได้ 2 ที่นั่งสุดท้ายพอดี คนอื่นที่ขึ้นไม่ทันก็ต้องทำคอตกแล้วนั่งรอในรอบต่อไป
“เจ้ามัวแต่เดินเล่นอยู่นั้นแหละเกือบไม่ทันรถม้ารอบแรกแล้วเห็นไหม” พอนางนั่งลงเหมยเหม่ยก็เอ็ดนางทันทีเรื่องที่นางได้แต่เดินเล่นอยู่ เกือบจะไม่ทันที่นั่งในรถม้า ฟางเหนียงจึงรีบเข้าไปอ้อนเหมยเหม่ยให้หายโกรธ “ต่อไปข้าจะไม่ทำแล้วให้อภัยข้านะ” เหมยเหม่ยเห็นดังนั้นก็อดที่จะเบะปากให้นางไม่ได้จริงๆ นางเห็นเหมยเหม่ยทำท่าทางเช่นนั้นก็ยิ่งอ้อนหนักมากกว่าเดิม จนทำให้เหมยเหม่ยต้องหัวเราะออกมาเบาๆ “อ่า เหมยเหม่ย รถม้านี่ไม่เห็นจะนั่งสบายเลยสักนิดทำไมกระโดกกระเดกเช่นนี้ล่ะ” นางกระซิบเบาๆ ให้เหมยเหม่ยได้ยินเพียงแค่สองคน ถ้าพูดเสียงดังไปก็กลัวจะรบกวนคนอื่น เหมยเหมยได้ยินอย่างนั้นก็แปลกใจ “เราก็นั่งเช่นนี้ทุกวัน เจ้ายังไม่ชินอีกรึ” เหมยเหม่ยตอบ แล้วมองนางด้วยความเป็นห่วง กลัวว่านางจะยังไม่หายดี “อ่า ข้าน่าจะยังไม่หายดี เวลานั่งรถม้าเลยไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก” นางกลัวจะลืมตัวแล้วพูดพล่อยๆ อีกครั้งเลยหันหน้ามองไปที่ท้องนาที่ชาวบ้านกำลังพากันทำนากันอยู่ กลิ่นไอดินทำให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ ไร้ซึ่งมลพิษ ไร้ควันไอเสียจากรถยนต์ เป็นบรรยากาศที่หาได้ยากจริงๆ จากยุคก่อนของนาง
“ข้าชอบบรรยากาศเช่นนี้เยี่ยงนัก” นางพึมพำออกมาพอให้ได้ยินแค่สองคน “เจ้าก็มีที่นาอยู่นี่ ถ้าชอบเช่นนี้เจ้าก็ลองไปทำนาดูก็ได้” นางมองหน้าเหมยเหม่ยแล้วครุ่นคิดเรื่องที่นาของนาง “ใช่จริงๆ ด้วย ข้าลืมไปเลย ว่าข้ามีที่นาอยู่ประมาณ 5 หมู่ เหมยเหม่ยข้าอยากทำนา” นางอยากใช้ชีวิตเหมือนกับชาวบ้านที่นี้ดู อยากรู้ว่าการทำสวนทำนานั้นยากมากเพียงใด “ได้สิ ถ้าเจ้าอยากทำนาก็บอกเถ้าแก่ได้ แต่เจ้าต้องเหนื่อยหน่อยนะ เพราะเจ้าต้องทำอยู่คนเดียว ข้าคงไปช่วยเจ้าไม่ได้” นางพยักหน้าแล้วยิ้มตอบเหมยเหม่ย ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงตัวอำเภอ นางและเหมยเหม่ยลงจากรถม้าแล้วไปจ่ายค่าเดินทางคนละ 2 อิแปะ ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในร้านแล้วทักทายเถ้าแก่ “สวัสดีเจ้าค่ะ เถ้าแก่” เสียงของนางทั้งสองเอ่ยขึ้นทักทายพร้อมกัน เถ้าแก่ที่ก้มหน้าเลือกผักที่จะเอามาดองอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมาทักทายพวกนางกลับ
“สวัสดีๆ อ้าว!! ฟางเหนียงเจ้าหายดีแล้วรึ วันนี้ถึงได้มาทำงาน ทำไมไม่พักต่ออีกสักวันล่ะ” เถ้าแก่เห็นว่าฟางเหนียงมาด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้าขอบคุณเถ้าแก่มากนะเจ้าค่ะที่ฝากยาไปให้ข้า” นางกล่าวขอบคุณเรื่องยาเมื่อวาน ถึงแม้นางจะไม่ได้ทานยานั้นเลยก็ตาม “ไม่เป็นไร ๆ เจ้าไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วล่ะ ต่อไปเจ้าต้องดูแลตัวเองให้มากหน่อยแล้วกันนะ” เถ้าแก่โบกมือไม่ให้เกรงใจ นางและเหมยเหม่ยจึงขอตัวแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง “เจ้าค่ะเถ้าแก่ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวนะเจ้าค่ะ ข้าจะไปเตรียมผักไว้ก่อน” เถ้าแก่พยักหน้าให้ นางรีบเดินเข้าในห้องวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมไว้ให้เถ้าแก่ทำผักดอง เถ้าแก่เปิดร้านขายผักดองแรกๆ ก็เป็นแค่ร้านเล็กๆ ทำคนเดียวยังได้อยู่ แต่หลังๆ มานี้ผักดองของเถ้าแก่เริ่มขายดีขึ้นขยายร้านใหญ่กว่าเดิมและยังขายส่งให้ร้านค้าต่างหมู่บ้านอีกด้วย หนึ่งวันเถ้าแก่จะดองผักเยอะมาก เถ้าแก่เลยจ้างคนมาทำงานไว้ 3 คน คือ ฟางเหนียง เหมยเหม่ย ลู่จื้อ พวกนางได้รับมอบหมายคนละหน้าที่ ลู่จื่อจะเป็นคนคอยส่งสินค้าให้กับลูกค้าและไปรับผักมาในช่วงเช้า เหมยเหม่ยจะอยู่หน้าร้านขายผักดอกช่วยเถ้าแก่ แต่หากว่ามีคนน้อยเหมยเหม่ยจะเข้าไปช่วยฟางเหนียงหั่นผักจัดเตรียมวัตถุดิบ ส่วนฟางเหนียงจะอยู่ในห้องวัตถุดิบเพื่อเตรียมไว้ให้เถ้าแก่ทำผักดองในช่วงบ่าย ผักดองทั้งหมดเถ้าแก่จะดองเอง เพราะเป็นสูตรลับของเถ้าแก่ นางมีหน้าที่แค่เตรียมวัตถุดิบให้ดีเท่านั้น นางจะไม่ค่อยไปหน้าร้านหากหน้าร้านคนเยอะนางถึงได้ไปช่วยบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ