สายใยร้ายคู่นิรันดร์ นิยาย บท 14

“ครับ ตามนั้น......” ธารณ์พูดเสร็จปุ๊บก็พลันรู้สึกว่าไม่ถูก

วรรณรีบรั้งเขาเอาไว้ เอ่ยว่า “ธารณ์! ไหนลูกบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าลูกสองคนดื่มเหล้าด้วยกันจนเมา แล้วเผลอเข้าใจผิดกัน”

“นายท่าน หนูไม่ได้ดื่มเหล้ากับเขา และก็ไม่มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันด้วย!” มีนาค้าน

วรรณกำลังจะพูดแก้ตัวให้ลูกชาย แต่นายท่านกลับตบโต๊ะกลมข้างๆ พลันชี้ณนนแล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “แกมันโง่เง่าสิ้นดี เรื่องมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครกลั่นแกล้งนานา แต่แกกลับปกป้องพวกคนที่กลั่นแกล้งเธอเอง! หน้ามืดตามัวไปเสียหมด!”

“แม่ แม่ไม่เชื่อลูกสะใภ้กับลูกชายตัวเอง กลับเชื่อคนนอกที่เพิ่งแต่งเข้ามาในบ้านตระกูลธวัชพลังกรงั้นเหรอครับ เพราะเรื่องของมิ้มในตอนนั้น หลายปีมานี้แม่เปลี่ยนไปจนไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!” ณนนเอ่ย พลางกุมมือวรรณไว้ แสดงท่าทางปกป้องเธอออกมาอย่างชัดเจน

นายท่านหัวเราะ เอ่ยว่า “ตกลงใครกันแน่ที่หน้ามืดตามัว เพื่อผู้หญิงคนนี้ แกทำอะไรกับมิ้ม กับลูกชายแกลงไปบ้าง!”

เดิมทีนายท่านกับณนนอีกนิดก็จะทะเลาะกันแล้ว ทว่าจู่ ๆ วรรณกลับคุกเข่าลงต่อหน้านายท่าน พลันยอมรับผิดด้วยน้ำตาไหลพราก “แม่คะ ทุกอย่างเป็นความผิดของหนู เป็นความผิดของหนูเอง หนูกับณนนรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว ไม่เคยหวังชื่อเสียงตำแหน่งอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มิ้มจากไปโดยบังเอิญ หนูก็ไม่มีทางพาธารณ์มาปรากฏตัวที่นี่แน่ ๆ หนูแค่อยากอยู่เคียงข้างณนนเงียบๆ ชีวิตนี้ไม่แก่งแย่งชิงดีกับใคร”

ณนนกับธารณ์อยากจะพยุงเธอขึ้นมา ธารณ์ถลึงตาใส่มีนาอย่างโกรธแค้น เอ่ยเสียงดังว่า “แม่ ลุกขึ้นเร็ว แม่จะคุกเข่าทำไม! คนที่ควรคุกเข่าขอโทษคือยัยนั่นต่างหาก!”

“วรรณ เธอดีหมดทุกอย่าง เว้นเสียแต่นิสัยอ่อนแอเกินไป” ณนนเองก็อยากดึงให้เธอลุกขึ้น

วันนี้มีนาได้รู้แล้วว่าอะไรคือความรักทำให้คนตาบอด คนอย่างวรรณที่ร้ายกาจขนาดนี้ยังเรียกอ่อนแอ เธอเองก็เพลียเหมือนกัน

นายท่านดูออกนานแล้วว่าวรรณเป็นคนยังไง พลันแค่นยิ้มเอ่ยเสียงเย็นว่า “ให้หล่อนคุกเข่าต่อไปนั่นแหละ หล่อนควรทำตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ลองคิดดูว่าตัวเองทำอะไรผิดไปบ้าง!”

ไม่รู้ว่ามาร์ชกระโดดเดินลงมาจากชั้นบนเมื่อไหร่ ตอนที่กระโดดมาถึงชั้นสุดท้ายก็เกือบหกล้ม ยังดีที่มีนาพยุงเขาไว้ทัน

เขาเปลี่ยนมาจับมือมีนา เอ่ยยิ้มเอ๋อๆว่า “คุณภรรยามาทำอะไรที่นี่ครับ ผมหิวจังเลย ทำไมยังไม่กินข้าวกันอีกเหรอครับ?”

มีนาไม่รู้ควรตอบเขายังไงในสถานการณ์แบบนี้ จึงทำได้เพียงพูดว่า “คุณสามีเป็นเด็กดีนะ อีกเดี๋ยวก็จะได้กินข้าวแล้ว”

มาร์ชตอบโอเค ก็สะบัดมือทิ้ง แล้ววิ่งไปหาวรรณที่กำลังคุกเข่า ก่อนจะหัวเราะชอบใจแล้วปรบมือเอ่ยว่า “คุณน้าทำอะไรผิดงั้นเหรอครับ ถึงโดนลงโทษให้คุกเข่า ดีจังเลยๆ ไปเอาแป้นพิมพ์มาเร็ว ให้คุณน้าคุกเข่าเป็นแป้นพิมพ์จะสนุกกว่านี้”

“ไอ้คนปัญญาอ่อน ถอยไปซะ!” ธารณ์เอาตัวบังที่หน้าวรรณ พลันไล่มาร์ชด้วยสายตาดุดันอย่างไม่เกรงใจ

นายท่านลุกขึ้นยืน พลันตบหลังณนนอย่างแค้นเคือง “ดูสิว่าปกติพวกแกทำตัวกับมาร์ชยังไง ใครเคยให้เขาคุกเข่าลงบนแป้นพิมพ์บ้าง? แล้วธารณ์ทำตัวกับน้องชายยังไง! คำก็ปัญญาอ่อนสองคำก็ปัญญาอ่อน แกมันลูกอกตัญญู สักวันตระกูลธวัชพลังกรได้พังด้วยมือแกแน่ ๆ”

เดิมทีณนนเพียงอยากลงโทษลูกสาวตระกูลจรัลพรไพศาลที่เพิ่งแต่งเข้ามา แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ พลันรู้สึกปวดหัว หันไปเอ่ยกับนายท่านว่า “แม่ หรือแม่อยากจะยกTP Groupให้มาร์ชที่สมองมีปัญหางั้นเหรอ? แม่ยุติธรรมกว่านี้หน่อยได้มั้ย หลายปีมานี้ที่ผมบริหารTP Group รู้ไหมว่ากำไรในแต่ละปีนั้นเท่าไหร่? หรือผมจะเทียบมันไม่ได้เลยหรือไง?”

“เขาก็เป็นลูกชายแก ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้นเขาฉลาดเสียยิ่งกว่าใคร ตอนที่พ่อแกยังอยู่ ผู้สืบทอดที่พ่อแกเลือกคือมาร์ช!” นายท่านเอ่ย

ณนนเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “ตอนนั้นพ่อป่วยจนสติเลอะเลือนไปหมดแล้ว ข้ามหัวผมกับกับพวกณภัทรเลือกเด็กคนหนึ่งเป็นผู้สืบทอดTP Groupต่างหาก ที่จะทำให้ตระกูลธวัชพลังกรพัง!”

“พ่อแกไม่ได้เลอะเลือนเลยสักนิด......”

“แม่ แม่ไม่ได้ดูแลเรื่องของบริษัทมาหลายปีแล้ว แม่อย่าหาเรื่องกังวลอีกเลย ดูแลร่างกายตัวเองเถอะครับ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

นายท่านมองลูกชายคนโตของตัวเองอย่างตกตะลึง พลันเซเล็กน้อย สักพักกว่าจะฝืนระงับอารมณ์ตัวเองไว้ได้ ก็จับมือมาร์ช แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ดี รังเกียจที่ฉันแก่แล้ว เห็นว่าฉันขวางหูขวางตาสินะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจเรื่องแกอีก แต่มาร์ชกับนานาต้องมาอยู่กับฉันที่บ้านตะวันออกนับแต่วันนี้เป็นต้นไป จะได้ไม่ขัดบรรยากาศแสนสุขของพ่อแม่ลูกแกสามคนด้วย!”

มีนาได้ยินว่าไม่ต้องอยู่บ้านเดียวกับพวกธารณ์อีกต่อไปก็พลันลอบถอนหายใจ

วรรณกลับรีบผุดลุกขึ้นยืน อยากจะห้ามนายท่านไม่ให้พามาร์ชไป เอ่ยว่า “คุณแม่พูดถูก มาร์ชยังไงก็เป็นลูกชายของณนน ให้เขาอยู่ที่บ้านใหญ่เถอะค่ะ พวกคนใช้จะได้ดูแลเขาได้อย่างทั่วถึงกว่าด้วย”

“ไม่จำเป็นต้องใช้คนใช้เยอะแยะหรอกค่ะ ฉันเป็นภรรยาเขา ดูแลเขาเองได้” มีนาปฏิเสธทันที

นายท่านจับมือมาร์ชไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะผลักวรรณออก “ถอยไป ฉันจะพาหลานฉันไปอยู่ด้วย ใครหน้าไหนบังอาจมาห้าม! มาร์ช นานา เราไปกันเถอะ!”

ป้าเค้กเดินอยู่ข้างหน้า พลันจงใจใช้สะโพกผลักวรรณเล็กน้อย

นายท่านจูงมือมาร์ชเร่งฝีเท้าจากไป มีนารีบเดินตามหลังพวกเขา ประหนึ่งว่าได้หลุดพ้นออกจากถ้ำเสื้อที่เต็มไปด้วยอันตรายแล้วเสียที

มาร์ชยังไม่ลืมที่จะโบกมือเอ่ยลากับพวกณนนด้วยท่าทางปัญญาอ่อนว่า “ลาก่อนครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์