สายใยร้ายคู่นิรันดร์ นิยาย บท 51

สรุปบท บทที่51 ผลักเธอลงบนเตียงอย่างรุ่นแรง: สายใยร้ายคู่นิรันดร์

สรุปเนื้อหา บทที่51 ผลักเธอลงบนเตียงอย่างรุ่นแรง – สายใยร้ายคู่นิรันดร์ โดย หลันปี้ฉิง

บท บทที่51 ผลักเธอลงบนเตียงอย่างรุ่นแรง ของ สายใยร้ายคู่นิรันดร์ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลันปี้ฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมย์เก็บรอยยิ้มของเธอและพูดด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้า: “ฉันยังไม่ได้บอกเธอว่าลูกชายคนสุดท้องของฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอต้องการสินค้าชุดนี้หรือไม่ ฉันก็ต้องให้เธอรับสินค้านี้ไว้และจ่ายค่าสินค้าให้เรา แม้ว่าเธอจะไม่ได้ฟ้องกอล์ฟในความผิดสถานหนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ทำร้ายคนไปแล้ว และเขาก็ไม่สามารถออกมาได้ในเร็วๆนี้ ทว่าเคมีบำบัดของเด็กนั้นไม่สามารถรอช้าได้ และเงินเดือนของคนงานก็ค้างชำระมานานสามเดือนแล้ว เลยต้องลำบากเธอหน่อย”

มีนารู้สึกว่ามีใครบางคนตามหลังเธออยู่ และก่อนที่เธอจะหันศีรษะไปดู เธอก็เจ็บที่หลังคอแล้วหมดสติไปเลย

เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอก็รู้สึกว่าเจ็บปวดที่คอราวกับจะหักไปเลย

หน็อยแน่! คนที่ตีเธอจนหมดสตินั้นแรงเยอะเป็นบ้า และเธอก็โง่มากที่ถูกเมย์หลอกอีกครั้ง!

เธอลืมตาขึ้นและพบว่าที่ที่เธอนอนอยู่นั้นไม่ใช่โกดังของโรงงานเสื้อผ้า แต่เป็นห้องที่มีแสงสลัว และเธอก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่

เธอจึงลุกขึ้นยืน และคิดว่าเธอต้องเกิดภาพลวงตาหลังจากที่ถูกตีจนหมดสติแน่เลย

“เธอนี่มันโง่จริงๆเลย” มีใครบางคนผลักเธอลงบนเตียงอย่างรุ่นแรง

เธอสะดุ้งจนอยากจะกระโดดขึ้นไปสู้กับชายคนนั้น แต่หลังจากได้ยินเสียงและมองเห็นคนที่อยู่ข้างเตียงนั้นแล้ว ปรากฎว่าคือมาร์ช

“ทำไมถึงเป็นนายล่ะ แล้วที่นี่คือที่ไหนกัน” มีนาถามด้วยความประหลาดใจ

มาร์ชกล่าวด้วยโทนเสียงที่ต่ำ: “คฤหาสน์ริมทะเล”

“อะไรนะ นายพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันถูกตีจนหมดสติอยู่ในโกดังไม่ใช่เหรอ……” มีนาหยุดชะงักไปสักพัก แล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้: “หลังจากที่ฉันหมดสติ……เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันหมดสติไปหรือไม่?”

มาร์ชมองดูเธออย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร

มีนารีบตรวจสอบเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ทว่าโชคดีที่เธอยังแต่งตัวเรียบร้อย และเป็นชุดเดียวกับตอนที่เธอใส่ไปโกดังกับเมย์ ดูเหมือนว่านอกจากคอแล้วเธอก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรเลย

“เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แล้วฉันหมดสติไปนานแค่ไหน และทำไมนายถึงพาฉันมาที่นี่ด้วย” เธอพูดเร็วจนสำลักเล็กน้อย

เธอกลัวที่จะหมดสติในที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก แล้วไม่รู้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น และเธอรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันน่ากลัวขนาดไหนสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง

“โชคดีที่ฉันไปถึงโกดังทันเวลา” มาร์ชรู้สึกตกใจกับน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเขาเอง นี่ไม่ควรเป็นน้ำเสียงของเขา

แต่มีนารู้สึกโศกเศร้าและกลัวมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเขา และถามอีกครั้งว่า: “นายมาที่โกดังได้อย่างไร”

มาร์ชพยายมทำให้เสียงของเขาเย็นลงและพูดว่า: “คนขับรถที่พาเธอไปส่งเห็นว่าเธอไม่ยอมออกจากโรงงานสักที เขาจึงโทรไปรายงานกับคุณย่า ซึ่งฉันที่เพิ่งกลับไปได้ยินพอดี เลยถามคนขับเกี่ยวกับที่ตั้งของเธอแล้วรีบไปหา”

“นายถึงที่โรงงานแล้วหาฉันเจอนั้น พวกเขาก็ส่งตัวฉันให้นายเลยเหรอ?” เธอถามอย่างกังวล

“มันจะง่ายอย่างงั้นได้ไง เมย์และพนักงานพวกนั้นกำลังรอคนมาหาเธอ พวกเขาปิดประตูโกดังและเจรจาเงื่อนไขกับฉันก่อนที่พวกเขาจะยอมปล่อยเธอไป……”

มีนาเอื้อมมือไปดึงมุมเสื้อของเขา อันที่จริงเธอหวังว่าเขาจะอยู่ที่นี่กับเธอตลอดเวลา เพราะถ้าเธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในห้องที่ไม่คุ้นเคยนี้แล้ว เธอจะรู้สึกกลัว

ทว่าเธอไม่ได้พูดความในใจที่แท้จริงของเธอออกมา แต่แค่หาเรื่องถามเขา: “นายอย่าเพิ่งไป ยังไงฉันก็ไม่เข้าใจ เอนขอให้โรงงานของพวกเขาผลิตแฟชั่นเลียนแบบคุณภาพสูง แต่ไม่ยอมรับสินค้าของพวกเขา นี่ไม่ใช่เพียงแต่จะมุ่งทำร้ายนายเท่านั้นใช่ไหม”

มาร์ชกลับมานั่งที่ขอบเตียงอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง

“เอนไม่ยอมรับสินค้าเหล่านี้ของกอล์ฟ เพราะเธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทแอมทีได้อีกต่อไป และไม่อยากให้ใครพบว่าเธอทำสินค้าปลอมหลังจากเธอจากไป” มาร์ชกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “เธอคิดว่ากอล์ฟมาหาฉันเพียงเพื่อระบายความโกรธของเขาเพราะสินค้าชุดนี้งั้นเหรอ?”

“ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้ว ยังมีเงื่อนงำซ่อนอยู่ในนั้น?” มีนาฟังเขาพูดและกอดหมอนของบนเตียง เธอรู้สึกว่าตัวเองโง่มากเลย ทำไมถึงยังคิดเรียบๆง่ายๆกับเรื่องทุกสิ่ง ทั้งๆที่เธอได้เรียนรู้ถึงความน่ากลัวของมนุษย์แล้วนี่

มาร์ชกล่าวต่อ: “วันนั้นที่กอล์ฟพุ่งเข้าไปในห้องทำงานก็เพื่อฆ่าฉัน โดยบอกว่าบริษัทแอมทีไม่รักษาสัญญาและต้องการที่จะตายด้วยกันนั้น นี่มันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัว เพราะเอนถือหลักฐานที่เขาปลอมแปลงไว้ในมือ ซึ่งการให้เขาเข้ามาในบริษัทเพื่อฆ่าคนนั้นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่เขากลับทำล้มเหลว และเมื่อเทียบกับเงินจากสินค้าแล้ว เขากังวลว่าโรงงานของเขาจะถูกตรวจสอบมากกว่า”

“งั้นเขาก็พยายามจะฆ่าจริง” จนกระทั่งตอนนี้มีนาพึ่งรู้ว่าเธอเข้าใจมาร์ชผิดไป นั่นไม่ใช่เพราะเขาโหดเหี้ยมอำมหิต แต่เพราะคนที่ต้องการทำร้ายเขานั้นฉลาดแกมโกงเกินไป

“แต่ภรรยาของเขาไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เธอแค่ต้องการหาเงินเพื่อรักษาเด็ก เลยคิดที่จะให้เธอเฝ้าดูสินค้าและเปลี่ยนสินค้าในโกดังให้เป็นเงิน” มาร์ชกล่าวว่า: “ในครอบครัวของพวกเขามีเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวอยู่ใช่ไหม? แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาต้องเสี่ยงผลิตของปลอมขึ้นและทำร้ายผู้อื่น!”

“ฉันเข้าใจแล้ว ในเรื่องนี้คือฉันโง่เอง” มีนาก้มหน้าลง ที่แท้เธอก็เข้าใจมาร์ชผิดไปเอง เธอนี่ช่างน่าขันจริงๆ เพราะเธอเคยถูกปรักปรำจนต้องติดคุก เธอเลยคิดว่าทุกคนก็ถูกปรักปรำเช่นกัน

ตอนนี้เธอเห็นด้วยกับการกระทำทุกอย่างของมาร์ช ซึ่งคู่สามีภรรยากอล์ฟควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย แต่เมื่อคิดถึงลูกของพวกเขาที่ป่วยอยู่นั้น เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามว่า: “งั้นที่เมย์บอกว่าลูกชายคนสุดท้องของเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น เป็นความจริงหรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์