อ่านสรุป บทที่52 แม่ของมาร์ช จาก สายใยร้ายคู่นิรันดร์ โดย หลันปี้ฉิง
บทที่ บทที่52 แม่ของมาร์ช คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ สายใยร้ายคู่นิรันดร์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย หลันปี้ฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
“เรื่องนี้เธอไม่ได้โกหก ซึ่งฉันจะสมัครกองทุนการกุศลเพื่อเด็กอนุบาลที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้กับเด็กคนนั้น ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ภายหลังก็อย่าไปเชื่อใจคนที่ไม่คุ้นเคยได้ง่าย ๆ และยังตามคนอื่นไปที่โรงงานในแถบชานเมืองอีกด้วย ตกลงเธอคนนี้มีความรู้ในเรื่องการปกป้องตัวเองบ้างรึเปล่า?” มาร์ชถามเธอด้วยท่าทางที่โกรธ
มีนาได้ยินมาร์ชกล่าวว่าค่ารักษาเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นได้คิดหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว เธอก็รู้สึกโล่งอกไปที และรู้สึกว่าจริงๆ แล้วมาร์ชก็ไม่ได้เย็นชาและไร้น้ำใจอย่างที่เห็น
หัวของเธอพยักไม่หยุดเลย: “ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก และจะปกป้องตัวเองให้ดีด้วย”
“เอาล่ะ ฉันพูดทุกอย่างที่ฉันต้องการพูดแล้ว เธอก็พักผ่อนเองเถอะ ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ” มาร์ชลุกขึ้นอย่างแน่วแน่และออกจากห้องไป
พวกเขาพักอยู่ในห้องเดียวกันและพูดคุยกันเป็นเวลานาน แต่เขาไม่เคยคิดที่จะแตะต้องเธอเลย และสายตาที่เขามองดูเธอก็ต่างไปจากเมื่อก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหมดความสนใจในตัวเธอแล้วจริงๆ
ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงรู้สึกว่าเขารังเกียจเธอที่สกปรก
มีนาอาศัยอยู่กับเขาในเดือนที่ผ่านมา ก็พบว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยรักความสะอาด เพราะไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน หรือของที่เขาเคยใช้ ก็สะอาดสะอ้านทั้งนั้น
แม้จะมีฝุ่นตกลงมาเพียงเล็กน้อย เขาก็จะละทิ้งมันไป และนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์แล้วอย่างเธอ ซึ่งเขาก็แค่รู้สึกหลงใจในช่วงแรกๆ แล้วเมื่อความรู้สึกนี้ผ่านไปก็ไม่มีอะไรอีก
เธอรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีนะ แค่อยู่กับเขาและความเคารพซึ่งกันและกัน
มีนากำลังคิดเหลวไหลในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย หรือเตียงที่ไม่คุ้นเคยจนนอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างห้องแล้วมองออกไปก็เห็นหอคอยที่ตั้งอยู่ริมทะเลในคืนที่มืดมิด ถึงมันมืดจนมองเห็นทะเลไม่ชัด แต่ก็ได้ยินเสียงคลื่นทะเลได้ชัดเจนเลย ที่นี่เป็นบ้านติดริมหาดทะเลจริงๆด้วย
ทว่าหากต้องการที่จะสร้างบ้านริมทะเลในเมืองCนั้น ต้องได้รับการอนุมัติพิเศษ เนื่องจากแนวชายฝั่งของเมืองCที่ตั้งอยู่ริมทะเลนั้นมีคลื่นทะเลและมีภูเขาที่สวยงาม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นภูมิทัศน์มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของชาติ จึงไม่สามารถสร้างบ้านส่วนตัวบนชายฝั่งนี้ได้
ตระกูลธวัชพลังกรสามารถเป็นเจ้าของของคฤหาสน์ริมทะเลนี้ได้ ก็แสดงว่าพวกเขาสามารถมีอำนาจเหนือฟ้าในเมืองCเลย
ซึ่งทะเลในยามค่ำคืนก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่ง พอมองนานๆไปก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว เธอจึงปิดหน้าต่างและอยากจะนอนต่อ ทว่าก็รู้สึกหิวขึ้นเลยอยากจะหาของกินมารองท้อง แต่หาทั่วห้องแล้วก็ไม่พบขนมที่กินได้เลย
เธอจึงค่อยๆเปิดประตูพยายามหาอะไรกินในคฤหาสน์ แล้วเดินออกจากห้องไป ซึ่งด้านนอกนี้เป็นห้องนั่งเล่น และมีเพียงโคมไฟติดผนังเท่านั้นที่สว่างอยู่
ส่วนสวิตช์ไฟหน้าอยู่ที่ไหน? ห้องครัวอยู่ที่ไหน? เธอไม่รู้ทิศทางเลย ดังนั้นเธอจึงเดินหาสวิตช์ไฟตามผนังห้องนั่งเล่น
แต่มือของเธอหาบนกำแพงเป็นเวลานานก็ไม่พบอะไรเลย เธอเลยอยากจะตะโกนเรียกมาร์ช และขอให้เขาออกมาช่วยเธอหาอะไรกิน
แต่เมื่อคิดว่าต้องเรียกมาร์ชออกมาแบบนี้แล้วทเขาต้องทำสีหน้าไม่ดีใส่เธอแน่เลย ดังนั้นเธอควรจะหามันด้วยตัวเอง
เมื่อเธอเผลอ เธอก็ชนกับบางสิ่งอย่างแรงขณะเดินไปข้างหน้าจนรู้สึกปวดที่ท้องมาก เธอจึงใช้มือไปจับ ซึ่งมันน่าจะเป็นโต๊ะแคบๆ
เธอกำลังคิดอยู่ว่าทำไมถึงมีโต๊ะวางไว้ที่ข้างมุมผนัง หรือจะเป็นตู้รองเท้าหน้าประตู และทันใดนั้นไฟในห้องนั่งเล่นก็เปิดขึ้นพร้อมกัน
เธอเงยหน้าขึ้นเห็นรูปผู้หญิงที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะที่เธอยืนอยู่ ซึ่งทำให้เธอกลัวด้วยความหวาดระแวง
ทัดใดที่เธอเห็นผู้หญิงบนภาพผู้ตายนั้น เธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย และรู้สึกมีความใกล้ชิด และผู้หญิงคนนั้นก็มีรอยยิ้มที่สามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความสง่างามของเธอจากภาพถ่าย
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ เธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงในภาพผู้ตายนั้นคล้ายกับมาร์ชมาก เธอจึงรู้แล้วว่าคนในภาพคือใคร
มีนาวางขนมในมือของเธอ และรู้ว่าคนชราที่อยู่ข้างหน้าเธอนั้นคือคนที่รับใช้แม่ของมาร์ช ดังนั้นบ้านหลังนี้คือบ้านที่แม่ของมาร์ชเหลือไว้
“ป้าโบว์ คุณไม่เป็นอะไรใช่?” มีนาไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไร แต่ในแวบแรกเธอก็รู้ว่าเธอและมิ้นเป็นเจ้านายและคนรับใช้ที่รักใคร่กัน: “แม้ว่าฉันจะไม่เคยเห็นแม่ของมาร์ชก็ตาม แต่เมื่อฉันเห็นรูปของเธอในวันนี้แล้ว ฉันก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่สวยและใจดีมากก่อนที่เธอจะตาย และพวกคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีมากใช่ไหม”
แม้ว่าน้ำตาของป้าโบว์จะไม่ได้ไหลออกมา แต่เธอก็ถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก: “เพราะคุณหนูใหญ่มีจิตใจดีเกินไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงรังแกเธอจนตายหรอก”
มีนาไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเท่าที่เธอรู้มามิ้มเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วเธอจะถูกรังแกจนตายได้อย่างไร?
“คุณชายพาคุณมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฉันก็ไม่ควรพูดเรื่องนี้กับคุณ รีบดื่มโจ๊กก่อนเร็ว ไม่นั้นจะเย็นแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะ ป้าโบว์” มีนาหยิบโจ๊กขึ้นมาแล้ววางบนริมฝีปากของเธอ
ป้าโบว์ทำความสะอาดห้องครัวและพูดกับเธอว่า: “นายหญิง ถ้าคุณอิ่มแล้วก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปเยี่ยมคุณหนูใหญ่กับคุณชาย และถ้าคุณหนูใหญ่เห็นว่าคุณชายมีภรรยาแล้วเธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
“ได้ค่ะ คุณไปนอนก่อนเลย ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้คะ” มีนายิ้มให้เธอ แล้วฟังป้าโบว์พูดแบบนี้แล้ว เธอก็เดาว่าสุสานของมิ้มน่าจะอยู่ใกล้กับคฤหาสน์นี้?
ป้าโบว์ชี้ไปที่สวิตช์ไฟในครัวอีกครั้ง แล้วกลับไปนอนที่ห้องของเธอ
เมื่อปล่อยให้มีนาอยู่คนเดียว เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมากกว่าเดิม แล้วมองไปรอบๆด้วยความสงสัย และเปิดตู้เย็นเพื่อดูว่ามีอะไรที่ทำอาหารและกินได้หรือไม่
“ของพวกนี้ยังไม่พอเธออิ่มท้องงั้นเหรอ?” มีมือหนึ่งเอื้อมมาช่วยเธอจับประตูตู้เย็นไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์
ไม่ลงต่อเหรอคะ รออ่านค่ะ...