บทที่55 ยอมฆ่าให้หมดดีกว่าปล่อยให้รอดไปหนึ่งคน – ตอนที่ต้องอ่านของ สายใยร้ายคู่นิรันดร์
ตอนนี้ของ สายใยร้ายคู่นิรันดร์ โดย หลันปี้ฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่55 ยอมฆ่าให้หมดดีกว่าปล่อยให้รอดไปหนึ่งคน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
มีนาคิดอย่างลำบากใจเกี่ยวกับทั้งชีวิตของมิ้มที่อาจไว้ใจผิดคน
แต่เธอรู้สึกพอใจที่เธอสามารถอยู่ในสถานที่นั้นได้ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว และพูดกับมาร์ช: “ถ้าฉันตายแล้วฉันสามารถถูกฝังอยู่ที่ชายทะเลนี้ได้ไหม?”
มาร์ชตกตะลึงเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ตราบใดที่เธอยังเป็นภรรยาของฉัน ฉันก็จะฝังเธออยู่ที่นี่”
หลังจากพูดจบ เขาก็ทำหน้าบูดบึ้งและเดินไปที่รถก่อน ส่วนมีนาก็เดินตามหลังเขาไปแล้วตีปากของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถุย ถุย ถุย ทำไมเธอพูดอะไรที่เป็นลางร้ายแบบนี้
จะเป็นลม ทำไมเธอถึงสาปแช่งตัวเองล่ะ เธอยังอยากมีชีวิตอยู่อีกร้อยปีนะ จะได้เฝ้าดูอธิเติบโตขึ้น แต่งงานและเริ่มต้นชีวิตครอบครัว
ขณะนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับรถและคาดเข็มขัดนิรภัย เธอก็เห็นมาร์ชเหล่มองมาที่เธอ
เธอรู้ตัวว่าเมื่อกี้เธอพูดผิดไปจึงยิ้มอย่างเขินอาย: “ฉันก็แค่พูดไปเฉยๆ ถ้าฉันตายไปแล้วจะฝังฉันไว้ที่ไหนก็ได้ ฉันจะอยู่ในที่ดีๆ แบบนี้ได้ยังไง...”
มาร์ชหันมาด้านข้างแล้วปิดปากของเธอ: “เธอช่วยห้ามปากตัวเองไว้หน่อยได้ไหม? คำเมื่อกี้สามารถพูดเล่นๆงั้นเหรอ? ถ้าเธอพูดคำนี้อีกครั้ง เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะโยนเธอลงทะเลไปเลย!”
“ฮือ~ฮือ~” มีนาคร่ำครวญสองสามครั้งแล้วหลุดพ้นจากน้ำมือของเขา: “ฉันไม่พูดอีกก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันดวงแข็งตาย..……ได้ยาก”
เธอพบว่าเธอเผลอพูดคำต้องห้ามของมาร์ชออกมา จึงรีบปิดปากของตัวเองทันที
ตาของมาร์ชราวกับว่าอยากจะโยนเธอลงในทะเลจริงๆ แล้วเขาก็สตาร์ทรถ
ทว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามาร์ชกลัวเธอจะตาย?
จะมีใครสนใจชีวิตของเธองั้นเหรอ? เธอจึงปิดปากและหัวเราะอย่างลับๆ
เมื่อรถขับออกจากหน้าผา เธอก็เห็นลมทะเลที่พัดโชยดอกเดซี่สีม่วงออกไป จนกลีบดอกไม้ปลิวโปรยไปยังทะเลอย่างเป็นอิสระ
หลังจากกลับจากบ้านพักริมทะเล วันเวลาของเธอกับมาร์ชก็กลับมาเป็นปกติ
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการแสดงบทบาทของตนในสายตาของคนนอก หลังจากที่บริษัทแอมทีเปลี่ยนคนไปนั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย ทว่าในเวลาเพียงหนึ่งเดือนผลกำไรกลับเติบโตขึ้นล้วนเป็นเพราะเครดิตและความสามารถของเธอ
อันที่จริง มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่ามาร์ชเป็นคนอัจฉริยะที่บริหารบริษัท และเรื่องทุกอย่างที่เธอตัดสินใจนั้นก็เป็นความตั้งใจของมาร์ช และเธอก็แค่ทำตามเท่านั้น
และสำหรับธีมที่จะจัดแสดงในงานแฟชั่นวีค เธอก็ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายนกและภาพวาดทิวทัศน์มาผสมผสานให้เข้ากับองค์ประกอบฮั่นฟุ แล้วออกแบบชุดแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ของแบรนด์บริษัทแอมทีที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งผู้ชมจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
ทุกวันนี้เธอใช้โน๊ตบุ๊กที่ใหม่เอี่ยม และใช้ซอฟต์แวร์ที่ใช่ออกแบบโดยเฉพาะ ทำงานล่วงเวลาเพื่อออกแบบ
ซึ่งโน๊ตบุ๊กสีชมพูที่ใหม่เอี่ยมนี้ เป็นรางวัลในการทำงานวันแรกที่บริษัท หลังจากที่เธอและมาร์ชกลับมาจากคฤหาสน์ริมท
เมื่อวาตะมอบโน๊ตบุ๊กนี้ให้กับเธอ เธอก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าบริษัทจะตอบแทนให้เธอกับสิ่งที่ใช้ได้จริงเช่นนี้
เดิมทีเธอยังคงคิดหาวิธีประหยัดเงินเพื่อที่จะซื้อแล็ปท็อปมือสอง
เธอติดตั้งระบบอย่างมีความสุข แล้วใช้เวลาที่ห้องทำงานไม่มีคน ดูสตูดิโอมีในอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีหลายข้อความของเดือนที่แล้ว ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการให้เธอออกแบบไอคอนเล็กๆ
ซึ่งเธอพยายามย้อนกลับไปทีละคน เพื่อดูว่าเธอสามารถทำธุรกิจเล็กๆนี้ได้หรือไม่
ทำไมบริษัทต้องไล่พนักงานออกพร้อมกันมากกว่ายี่สิบคนล่ะ นี่เป็นเพราะบริษัทอยู่ในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจจึงต้องไล่พนักงานออกงั้นหรือ?
แต่เธอไม่เคยได้ยินว่าบริษัทเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ในช่วงนี้เลยนิ?
เมื่อเธอกำลังสงสัยอยู่นั้น มาร์ชก็ผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นเธอเหม่อดูเอกสารจึงพูดว่า: “เธอสนใจในการบริหารบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่?”
มีนารีบวางเอกสารลง แล้วยิ้มพูดว่า: “ฉันเหนื่อยกับการวาดรูปเลยยืนขึ้นมาเดินดูไปรอบๆนะ”
มาร์ชถอนหายใจแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงาน จากนั้นก็โยนเอกสารให้เธอแล้วพูดว่า: “เธอช่วยเรียกผู้รับผิดชอบแผนกบุคลากรมาและบอกให้เขาไล่คนออกตามรายชื่อในเอกสารนี้”
มีนารับเอกสารแล้วถามว่า: “นายต้องการไล่คนจำนวนมากออกทีเดียวเลยหรือ? บริษัทเงินทุนขาดแคลน? หากไม่ไล่พวกเขาไปก็ออกเงินเดือนให้ไม่ได้เหรอ”
มาร์ชเหลือบมองเธออย่างหมดคำพูดแล้วพูดว่า: “เธอยังต้องการให้เเรื่องที่เหมือนคู่สามีภรรยากอล์ฟนั้นเกิดขึ้นอีกงั้นหรือ”
มีนาส่ายหัวอย่างแรง
“งั้นก็จบ ไล่คนพวกนี้ออก พวกเราจะได้ไม่ถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เราจะได้อยู่อย่างสงบสักที”
มีนาเข้าใจว่าคนเหล่านี้เป็นคนของเอนที่แทรกซึมอยู่ในบริษัท ทว่าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเยอะขนาดนี้ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว: “แต่นายมีเหตุผลอะไรที่ไล่พวกเขาออก คนถูกไล่ออกเยอะขนาดนนี้?”
มาร์ช: “ยอมฆ่าให้หมดดีกว่าปล่อยให้รอดไปหนึ่งคน ส่วนเรื่องเหตุผลนั้นฝ่ายบุคลากรจะเป็นคนคิดเอง พนักงานที่ไม่ผ่านการประเมินเอ๋ยต่างๆ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ไม่งั้นบริษัทจะจัดตั้งบฝ่ายบุคลากรไว้ทำไม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์
ไม่ลงต่อเหรอคะ รออ่านค่ะ...