สายเปย์เบอร์หนึ่ง นิยาย บท 27

บทที่ 27 จุดอ่อนที่ง่ายต่อการจู่โจม

“กลายเป็นความลับสุดยอด!”เจ้าหน้าที่ตำรวจบ่นพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ ส่วนหัวหน้าก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตะคอกเสียงแข็ง “หุบปาก!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจกลืนคำพูดที่เตรียมจะพูดออกมากลืนลงคอไป มองสายตาห้ามปรามของหัวหน้า เข้าใจความหมายในทันที

หัวหน้าจ้องเขม็งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความสงสัย ความจริงแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่งนี้มา แฟ้มลับสุดยอดมีเพียงลมปากจากหัวหน้าคนก่อนเท่านั้น ตนเองยังไม่เคยเห็นมาก่อน!

หัวหน้ากลืนน้ำลาย แฟ้มลับสุดยอด ไม่ต้องพูดถึงเมืองหู้ไห่ ต่อให้เป็นหัวเซี่ย ก็น้อยมากที่จะได้พบเห็น!

บุคคลที่มีแฟ้มลับสุดยอดนี้ ต้องเป็นคนที่หัวหน้าเล็กๆอย่างเขาไม่กล้าอาจเอื้อมทำให้เกิดเรื่องบาดหมางใจได้

หัวหน้าสั่นไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเยี่ยนจิงจึงต้องออกหน้าเคลื่อนไหว……ทำไมผู้ว่าเมืองหู้ไห่ถึงบอกให้เขาจัดการทุกอย่างภายในห้านาที……ที่แท้ ตนก็ขังคนที่น่ากลัวขนาดนี้เอาไว้นี่เอง!

เขาไม่รู้ตัวเลย ว่าแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆที่ผุดออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเหงื่อเย็นนั้นทำให้ตัวเปียกชุ่ม…… พอคิดว่าตอนนั้นเฉินเป่ยมองตนเองด้วยท่าทีหยอกเย้า หัวหน้าก็เริ่มกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว!

“หากไม่อยากมีอันตรายอะไร รูดซิปปิดปากให้สนิท……ลบบันทึกทั้งออก ทำให้เหมือนว่าวันนี้ฉันไม่ได้มาที่นี่มาก่อน” น้ำเสียงหัวหน้าหนักแน่น พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแผ่วเบา

เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพยักหน้า แต่สีหน้าของหัวหน้านั้นย่ำแย่มาก ก้าวขาที่เกร็งแข็งคู่นั้น ค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องทำงาน……

…………

ดึกสงัด รถยนต์ไมบัคซีรี่ย์เอสค่อยๆจอดลงหน้าประตูคฤหาสน์  หลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังมองไปยังซูเสี่ยวหยุน เอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหลว่า “เธอเพิ่งจะกลับมาที่เมืองหู้ไห่ ยังไม่มีที่พัก บ้านฉันยังมีห้องว่าง เธอก็พักอยู่กับฉันก่อนแล้วกันนะ”

“ก็ได้” ซูเสี่ยวหยุนชำเลืองมองด้วยสายตาขี้เล่นไปยังเฉินเป่ยที่อยู่ในตำแหน่งคนขับที่เบาะหน้า คางเรียวสวยพยักพเยิดเบาๆ

“ไปเอากระเป๋าสัมภาระของหล่อนด้านหลังเข้าไป” หลีชิงเยียนมองไปยังเฉินเป่ย น้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก

“ครับ” เฉินเป่ยยิ้ม จะกล้าขัดคำสั่งได้อย่างไร ได้แต่เปิดกระโปรงหลังรถอย่างว่านอนสอนง่าย ยกกระเป๋าเดินทางเข้าไปในคฤหาสน์

รอจนเฉินเป่ยเดินไปถึงหน้าประตูคฤหาสน์ ก็พบว่าตรงประตูมีบอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทสีดำเพิ่มขึ้นมาสองคน หลังจากที่เห็นเฉินเป่ย ก็ยื่นมือออกมาขวางเฉินเป่ยเอาไว้

“คุณผู้ชาย กรุณาแสดงหลักฐานด้วยครับ” บอดี้การ์ดสองคนสีหน้าไร้สีหน้าอารมณ์ความรู้สึก

เฉินเป่ยตกตะลึง“ผมเป็นสามีของหลีชิงเยียน นี่มันบ้านของผม จะเอาหลักฐานบ้าอะไร”

บอดี้การ์ดทั้งสองสบตาเขา พินิจพิจารณาเฉินเป่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า พวกเขายังไม่ได้รับภาพถ่ายของสามีหลีชิงเยียน และก็ไม่เคยเห็นหน้าตาเฉินเป่ยในข่าวมาก่อน ได้พบเพียงราชินีผู้ถือครองอำนาจอย่างหลีชิงเยียนเท่านั้น แน่นอนว่าไม่รู้จักเฉินเป่ย

เมื่อเห็นเฉินเป่ยในสภาพนี้ ก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นสามีของท่านประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้!

“ขอโทษครับ หากไม่มีหลักฐานเข้าไม่ได้นะครับ” บอดี้การ์ดพูด

เฉินเป่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาคิดไม่ถึงว่าซูเหลยจะหาบริษัทบอดี้การ์ดมา และยังเอาบอดี้การ์ดสองคนนี้มาเฝ้าที่หน้าประตูอีก ผลก็คือตนเองก็ยังเข้าไม่ได้! นี่กำลังสร้างเรื่องตลกกันอยู่หรือไง!

เรื่องนี้หากถูกพวกสื่อที่ชอบนั่งเทียนเขียนข่าวรู้เข้า ยิ่งจะทำให้หลีชิงเยียนอับอายขายหน้ามากขึ้น!

“หลบไป ไม่อย่างนั้นแกต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมาเองนะ” น้ำเสียงเฉินเป่ยเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก แววตาดุดันขึ้นมามาก

สีหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองเปลี่ยนเป็นระแวดระวัง มือค่อยๆยื่นไปหยิบกระบองด้านหลัง หากเฉินเป่ยมีความคิดที่จะจู่โจม พวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือทันที ควบคุมตัวของเฉินเป่ยเอาไว้!

“เขาเป็นสามีฉัน“

ในตอนนั้นเอง เสียงที่เย็นเยือกแต่กลับแฝงเสน่ห์ชวนหลงใหล ดังมาจากด้านหลังของเฉินเป่ย เห็นหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนคล้องแขนเดินบนรองเท้าส้นสูงด้วยท่าทางสง่าเข้ามา หลีชิงเยียนเหล่มองเฉินเป่ยอย่างเยือกเย็น สีหน้าดูถูก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะเอ่ยปาก พูดว่าผู้ชายคนนี้เป็นสามีตัวเอง!

การที่ทำให้เธอต้องพูดออกมา มันช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ!

ต่อไปเวลาที่ตนเองต้องอยู่ต่อหน้าบอดี้การ์ดเหล่านี้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ที่ยิ่งทำให้หลีชิงเยียนโกรธก็คือ วันนี้เฉินเป่ยถูกจับขัง หากไม่เพราะตนเองไปประกันตัวเขามา คาดว่าเฉินเป่ยคงต้องรออยู่ในนั้นอีกสิบกว่าวันหรือครึ่งค่อนเดือน

ผู้ชายคนนี้ จะไม่ให้ตัวเองได้เชิดหน้าชูตาอะไรบ้างเลยหรือ

สองบอดี้การ์ดมองเห็นใบหน้าที่สวยงามของทรงเสน่ห์ของหลีชิงเยียน ใบหน้าที่สวยสดงดงาม ในเมืองเมืองหู้ไห่นี้ ไม่มีผู้ใดเหมือนหลีชิงเยียนอีกแล้ว!

บอดี้การ์ดสองคนนี้จึงยอมหลีกทางให้ มองหลีชิงเยียนและเฉินเป่ย ด้วยสีหน้าแปลกใจ

สำหรับพวกเขาแล้ว เฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ช่างไม่เหมือนสามีภรรยากันเลย แต่กลับเหมือนเป็นเจ้านายกับคนใช้มากกว่า

หลังจากเดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว หลีชิงเยียนจัดห้องให้กับซูเสี่ยวหยุนหนึ่ง เฉินเป่ยนำกระเป๋าเดินทางไปให้ซูเสี่ยวหยุนที่ห้อง

เฉินเป่ยในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง กลับสู้อะไรซูเหลยไม่ได้เลย  ตอนนี้ซูเสี่ยวหยุนพูดมาขนาดนี้  ไม่ใช่เป็นการเอาเฉินเป่ยโยนใส่กองไฟเหรอ

“เป็นยังไงบ้าง” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอ่อนๆ หันหน้าไปทางเฉินเป่ย

เฉินเป่ยชำเลืองมองแวบหนึ่ง เอ่ยเรียบๆว่า “ธรรมดาๆ นอกจากจุดบอดกับช่องโหว่สองสามที่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“จุดบอดกับช่องโหว่เหรอ” จู่ๆซูเหลยก็พูดขึ้น“ผมพิจารณาอย่างละเอียดทุกตำแหน่งแล้ว จะมีจุดบอดได้อย่างไรกัน”

“มีแน่นอน”เฉินเป่ยเตรียมจะพูดต่อ แต่กลับถูกซูเหลยขัดขึ้นก่อน ขมวดคิ้วหันมามองเฉินเป่ย“ไม่มีทาง คฤหาสน์นี้วันนี้ผมผมตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว ด้วยความสามารถของบอดี้การ์ด ไม่มีทางมีจุดบอดได้แน่นอน คุณพูดเหลวไหลอะไร”

หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างก็เสริมขึ้นมาว่า“นี่มันในบ้าน คุณอย่ามาพูดจาเหลวไหล ทำเป็นเก่งหน่อยเลย  ซูเหลยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ คุณสู้เขาไม่ได้หรอก”

เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ ไม่พูดอะไร หากพูดถึงยุทธศาสตร์การสู้รบ เขาเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง……แม้แต่ประเทศที่ชนะเลิศการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างมัลดีฟส์ เวลาวางยุทธศาสตร์การสู้รบ ยังต้องยอมเสียเงินมาปรึกษาถามความเห็นของเฉินเป่ย……

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ที่มีชื่อเสียงหลายคนในต่างประเทศ เวลาเจอเฉินเป่ย ยังต้องเรียกเขาอย่างนอบน้อมว่า“ปรมาจารย์”!

ความจริงแล้ว แผนที่ซูเหลยวางไว้นั้น ในสายตาของเฉินเป่ย แทบจะเป็นแผนที่บอบบางง่ายต่อการโจมตีมาก!

“เอาละพอแล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้ว กินข้าวๆ วันนี้ฉันลงมือเอง ให้พวกคุณได้ลองชิมกัน” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มบางๆ พยายามสร้างบรรยากาศ

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ซูเหลยเดินมาข้างๆเฉินเป่ย ถามอย่างเยือกเย็นว่า“คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าแผนของผมนั้นธรรมดา และยังบอกว่ามีจุดบอดและช่องโหว่อีกด้วย”

ซูเหลยยังไม่ยอมเลิกรา แผนของตนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่พอเฉินเป่ยกลับบอกว่า เป็นแค่แผนธรรมดาๆ……

ซูเหลยมีความรู้สึกบางอย่าง เฉินเป่ยไม่เหมือนกำลังโอ้อวด ดูเหมือนว่าเขาจะรู้อะไรบางอย่าง

“โกดังตรงจุดสิบสิงนาฬิกา หากนักฆ่าใช้เชือกปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วเข้ามาจากทางหลังคา”

“มุมหนึ่งเวลาเจ็ดนาฬิกาของคฤหาสน์ นักฆ่าสามารถปีนขึ้นมาตามท่อน้ำข้างผนัง เข้ามาบนชั้นสอง”

“สวนดอกไม้ส่วนตัวตรงประตูคฤหาสน์ หากไม่เสริมกำลังในมุมมืด นักฆ่าปลอมตัวเข้ามาในชุดเครื่องแบบ เข้าใกล้คฤหาสน์ ในเวลากลางดึกทัศนวิสัยในการมองเห็นของคนของคุณในเวลากลางดึกนั้น คงแทบจะไม่ได้สังเกตเห็นแน่”

เฉินเป่ยคำพูดโจมตีที่ตรงประเด็นของเขา ทำให้ซูเหลยตกตะลึง เป็นใบ้อ้ำอึ้งพูดไม่ออก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง