"น่าจะเป็นพวกเขาตั้งใจทำให้เราหลุดพ้น อย่ากังวลไปเลย ป่ายฉีมีวิธีรับมือน่ะ"
โห้หลีเฉินขณะพูด ก็พาเย้นหว่านเดินไปอีกทางหนึ่งไม่หยุด
เป็นอย่างที่โห้หลีเฉินพูดจริงๆ ป่ายฉีมีความสามารถหลุดพ้นจากศัตรู
พวกเขาเจอกันในสถานที่ซ่อนแห่งหนึ่ง
เย้นหว่านเห็นป่ายฉีครบถ้วนสมบูรณ์ เด็กหนุ่มเสื้อผ้ายุ่งเหยิงนิดหน่อย อย่างอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็วางใจ
เด็กหนุ่มสีหน้านิ่งขรึม "ด้านหน้าก็เป็นสถานที่ขังเด็กแล้ว"
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นเต้นทันที
แรบบิท น่าจะอยู่ด้านหน้านี้สินะ
เด็กหนุ่มไม่ได้เดินไปในทันที แต่หันหลังมองโห้หลีเฉิน ลองหยั่งเชิงถามอีกครั้ง
"คนที่คุณพามาเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวเราช่วยลูกสาวคุณออกมาแล้ว พวกเขาก็ต้องมาช่วยเด็กคนอื่นๆออกไปด้วย"
เขากังวลว่าหลังจากที่โห้หลีเฉินช่วยลูกสาวของตัวเองมาแล้ว ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ จะไม่สนใจความเป็นความตายของเด็กคนอื่นๆ
โห้หลีเฉินสีหน้าไร้อารมณ์ "ผมจะช่วยทั้งหมดแน่นอน"
เรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องลังเล
เด็กหนุ่มราวกับได้กินยาที่ทำให้จิตใจสงบเม็ดหนึ่ง ถึงจะพาพวกเขาเร่งเดินไปข้างหน้า
เย้นหว่านมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม จิตใจหนักอึ้งอีกทั้งยังซับซ้อน
เด็กหนุ่มคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนจิตใจดี สงสารพวกเด็กๆ เป็นห่วงพวกเด็กๆ ถึงขั้นยอมสละชีวิตช่วยพวกเขา นอกจากเจตจำนงที่แข็งแกร่งไปหน่อย จิตใจดีมาก
แต่ว่าคนแบบนี้ กลับถูกจับตัวมาที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ ถูกบังคับให้ทำเรื่องเลวๆมานับไม่ถ้วน
ในใจของเขา จะต้องทุกข์ทรมานและเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาแน่นอน
และเด็กที่เหมือนกันกับเขา อยู่ในสถานที่ที่คล้ายนรกแห่งนี้ ยังมีอีกมากมาย......
ถึงเด็กหนุ่มจะไม่พูด เธอก็จะช่วยเด็กพวกนี้ทั้งหมดออกมาแน่นอน
นำทางโดยเด็กหนุ่ม หลีกเลี่ยงกลุ่มตรวจตราที่ไม่จำเป็นมากมาย ลดความวุ่นวายไปได้ไม่น้อย
พวกเขาก็ไปถึงจุดมุ่งหมายอย่างราบรื่น
นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สร้างมาจากกรงเหล็กและกระจก หน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่ ข้างในมีเสียงร้องไห้ของพวกเด็กๆดังออกมาไม่หยุด
ฮึกๆฮือๆ ได้ยินแล้วก็ทำให้รู้สึกปวดใจ
เด็กหนุ่มพาพวกโห้หลีเฉินมายืนอยู่ตรงมุมมืด พูดเสียงเบาๆว่า:
"หน้าประตูหกคน ด้านในประตูแต่ละมุมล้วนมีคนเฝ้าอยู่ แล้วยังมีทีมค้นหาอีกหนึ่งทีม พวกเราจำเป็นต้องจัดการคนหน้าประตูให้เร็วที่สุด แล้วค่อยแบ่งไปจัดการคนด้านในถึงจะได้"
อีกอย่างจะผิดพลาดอะไรไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกคนพบเข้า พวกเขาจะรีบกดกระดิ่งเตือนภัยทันที"
โห้หลีเฉินเม้มปาก "ได้"
ขณะพูด เขาก็มองไปทางเย้นหว่าน กำชับเสียงเบาๆ "คุณรอพวกผมอยู่ที่นี่ ผมจัดการเสร็จแล้ว คุณค่อยตามมา"
สถานการณ์แบบนี้เย้นหว่านไม่แสดงความสามารถของตัวเองแน่นอน รีบพยักหน้าทันที
โห้หลีเฉินและป่ายฉีสบตากันแวบนึง ส่งสายตาแลกเปลี่ยนสัญญาณ ทั้งสองคนค่อยๆเข้าใกล้หน้าประตูทันที
ในตอนที่คนเฝ้าประตูทั้งหกยังไม่ทันรู้สึกตัว ลงมือราวกับสายฟ้า จัดการพวกเขาทั้งหมดจนสลบ
รวดเร็วจนไม่มีใครทันตอบสนอง
เด็กหนุ่มมองดูอยู่ข้างๆอย่างตาค้าง "ฝีมือระดับนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว พวกเขาเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่งงั้นหรอ?"
"มนุษย์พันธุ์แกร่งอะไร?"
เย้นหว่านสงสัย
เด็กหนุ่มเห็นเย้นหว่านท่าทางเหมือนไม่เคยได้ยินศัพท์นี้มาก่อน ก็เข้าใจ เขาพูดอย่างนิ่งขรึม:
"ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะบอกคุณยังไง อีกสักพักคุณก็รู้แล้ว"
อีกสักพัก?
เย้นหว่านครุ่นคิด ขณะนั้น โห้หลีเฉินโบกมือเบาๆให้เธอ
เย้นหว่านเก็บความคิดในใจไปทันที เดินเข้าไปด้วยกันกับเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...