หลังจากผ่านไปได้สิบนาทีกว่า หญิงสาวร่างสูงผอมเพรียวเข้ามาในห้องของเย้นหว่านอย่างเงียบเชียบ
"เสี่ยวหว่าน เธอเรียกฉันมาทำอะไรอย่างรีบร้อนขนาดนี้?"
กู้จื่อเฟยเข้ามาก็ถามเธอตรงประเด็น
ใบหน้าของเธอผอมแห้งและซีดเซียว ใต้ตามีวงกลมสีดำใหญ่ทั้งสองข้าง ไม่ได้นอนหลับอย่างดีมานานแล้ว
เย้นหว่านง่วงนอน เด็กถูกจับ เธอเป็นห่วง จนตอนนี้เย้นโม่หลินขาดการติดต่อ เป็นตายไม่รู้ เธอยิ่งเป็นกังวล
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนในทุก ๆ วัน เฝ้ารอโทรศัพท์ทุกวินาที รอคอยข่าวคราว รอฟังข่าวดีที่มีความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด
แต่ว่า ไม่มี
ถึงขนาดแม้กระทั่งเย้นหว่าน เรียกเธอมาเงียบ ๆ อย่างตื่นเต้น เธอมีลางสังหรณ์ นี่ไม่ใช่เรื่องดี
เวลาคับขัน เย้นหว่านก็ไม่ล่าช้า บอกแผนการของตัวเองทั้งหมดให้กู้จื่อเฟย กู้จื่อเฟยฟังจบ สีหน้าเปลี่ยน
เธอลุกขึ้นมาอย่างรีบร้อน "ไม่ได้ ฉันก็ไม่เห็นด้วยให้เธอไปเสี่ยงอันตราย นี่อันตรายเกินไป!"
ไม่ประหลาดใจปฏิกิริยาของกู้จื่อเฟย แต่ว่าเย้นหว่านยังคงท่าทีหนักแน่น
เธอจับมือของกู้จื่อเฟยไว้ น้ำเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ
"จื่อเฟย พี่ชายของเธออยู่ข้างนอกเป็นตายก็ไม่รู้ เป็นเธอจะรู้สึกยังไง?"
พูดถึงเรื่องนี้ เบ้าตาของกู้จื่อเฟยก็แดงขึ้นในพริบตา น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตา
เธอสูดหายใจลึก แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง "จะรู้สึกยังไงได้? แน่นอนว่าหวังให้เขากลับมาปลอดภัย รีบกลับมาไว ๆ ทักษะของพี่เย้นยอดเยี่ยม เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในโลก เขาจะต้องกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน ฉันเชื่อในตัวเขา"
"เพราะว่าเชื่อ ดังนั้นสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ ก็คือรออยู่ในบ้านโดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?"
เย้นหว่านย้อนถาม น้ำเสียงทุ้มต่ำถึงขีดสุด "เธอเคยคิดไหม ถ้าเกิดมีคำว่า ถ้าหาก ล่ะ?"
ใบหน้าของกู้จื่อเฟยซีดขาว
ทำไมเธอจะไม่เคยคิดล่ะ แต่ว่าผลลัพธ์น่ากลัวแบบนั้น ไม่เห็นต่อหน้าต่อตา เธอก็ไม่กล้าเชื่อ ยิ่งเป็นผู้ที่เฝ้าภาวนาจะไม่เป็นอย่างนี้
ใครต่างก็กำลังเสี่ยงโชคดู เสี่ยงโชคดีที่มีเพียงหนึ่งในหมื่น
เย้นหว่านกล่าวอีก "ถ้าหากให้โอกาสเธอตอนนี้หนึ่งครั้ง ให้เธอไปช่วยเหลือพี่ชาย แม้ว่าเรื่องเรื่องนั้นจะอันตรายเป็นอย่างมาก ถึงขนาดทำให้เธอตายได้ เธอจะไปไหม?"
"ต้องไปอย่างแน่นอน!"
กู้จื่อเฟยตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
พูดจบ มองดูสีหน้าลุ่มลึกของเย้นหว่าน จู่ ๆ เธอก็ตระหนักอะไรขึ้นมาได้ จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์และขัดเคือง
เธอคิดที่จะทำแบบวัวหายล้อมคอก "นี่กับเรื่องของเธอมันคนละเรื่องกัน......"
"จื่อเฟย เธอรู้ดี สำหรับพวกเราแล้ว เป็นเรื่องเดียวกัน"
น้ำเสียงของเย้นหว่านทั้งหนักแน่นและทุ้มต่ำ ทำให้กู้จื่อเฟย พูดต่อไปไม่ได้
ถ้าหากเธอมีโอกาสหนึ่งในหมื่น เธอก็จะไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่สนใจความปลอดภัยชีวิตของตัวเอง เธอจะพยายามทุกวิถีทางที่พอจะช่วยเหลือพวกเขาได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย้นหว่าน
ต่อให้รู้ว่าเย้นหว่านออกไปจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากแค่ไหน แต่ว่ารู้สึกเข้าอกเข้าใจเหมือนตัวเองกำลังเผชิญอยู่ กู้จื่อเฟยจึงไร้หนทางเอ่ยปากขัดขวางเธออย่างไม่หวั่นไหวได้
พวกเธอต่างเป็นหญิงสาว ผู้ชายของพวกเธอต่างอยู่ข้างนอกเป็นหรือตายไม่สามารถคาดการณ์ได้
ซ้ำพวกเธอยังเป็นเพื่อนสนิท กู้จื่อเฟยรู้จักนิสัยของเย้นหว่านดี ดูเหมือนอ่อนแอ ถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว เธอก็แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
"แต่ว่าเสี่ยวหว่าน เธอมีความมั่นใจมากเท่าไร? เธอมีความมั่นใจกี่ส่วนว่าจะสามารถตามหาท่านอาวุโสแปดเจอ? เธอมีความมั่นใจกี่ส่วนว่าเขาจะช่วยเหลือเธอ? แล้วเธอมีความมั่นใจกี่ส่วน หากเขาช่วยเหลือเธอ ด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกัน เธอก็จะทำให้หยูฉู่สองได้รับความเสียหายอย่างหนักได้?"
ติดต่อกันสี่คำถาม กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่านด้วยสายตาแวววาว อยากรู้คำตอบที่เตรียมไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...