ป่ายฉีได้ไปหาน้าเมย์
หลังจากที่เธอได้มาที่ตระกูลเย้น เธอก็ได้พักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ โดยไม่สนเรื่องราวภายนอกอีก และเริ่มชีวิตบ้านปลายอย่างแท้จริง
ความหมายของป่ายฉีคือต้องการให้น้าเมย์สะกดจิตหานจื่อ คอยฝังชีวิตของผู้หญิงธรรมดาใส่เข้าไปในสมองของเธอ ให้เธอสัมผัสรับรู้ถึงการมีชีวิตที่ธรรมดา
การสะกดจิตระดับนี้ไม่ได้ยาก สำหรับน้าเมย์แล้วง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก
แต่น้าเมย์กลับบอกว่า ระดับการสะกดจิตนั้นไม่ยาก ที่ยากคือหานจื่อคนนี้
เธอคือมนุษย์พันธุ์แกร่ง มีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง อยู่ในองค์กรก็คงเคยฝึกการต่อต้านการสะกดจิต ต้องการจะสะกดจิตเธอ ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เส้นทางนี้จึงถูกปิดกั้นลงด้วยประการเช่นนี้ และเดินต่อไปไม่ได้
ป่ายฉีหงุดหงิด
น้าเมย์กล่าว "มันก็ไม่ใช่แปลว่าจะไม่มีวิธีอื่น นอกจากการสะกดจิตแล้ว คุณยังสามารถพาเธอไปสัมผัสกับชีวิตของคนธรรมดา ไปสัมผัสกับความสุข เธอก็เป็นมนุษย์ มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเช่นกัน หลังจากที่ไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ผลลัพธ์บางดีอาจจะดีกว่าการสะกดจิต"
ป่ายฉีลังเล "ให้ผมพาไปเนี่ยนะ ตัวผมเองยังไม่เคยมีชีวิตที่เหมือนคนปกติธรรมดาเลย"
ตั้งแต่เล็กเขาก็เติบโตอยู่ที่ตระกูลเย้น เป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ มีความสามารถในการต่อสู้และเทคนิคการสังหารคน ในโลกของเขาเดียวดายและนองไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ไม่สามารถที่จะมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปได้จริง ๆ
สิ่งเดียวที่เขากับหานจื่อแตกต่างกันคือ เขานั้นเต็มใจ เขาถูกห้อมล้อมด้วยพ่อแม่ตระกูลเย้นที่ใจดีและเย้นโม่หลินที่เป็นมิตรและอบอุ่น ส่วนสภาพแวดล้อมรอบข้างของหานจื่อนั้นโหดร้ายเย็นชา
น้าเมย์ยิ้ม "นั่นก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ พวกคุณสองคนไปใช้ชีวิตที่ปกติเหมือนคนทั่วไป บางทีอาจจะมีผลลัพธ์อย่างอื่นด้วยนะ"
ป่ายฉีรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่ก็หาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้
ไม่สามารถสะกดจิต และนี่ก็เหมือนว่าจะเป็นทางออกเดียวในเวลานี้
เพียงแต่จะไปสัมผัสอย่างไรล่ะ
สมองเขาเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
น้าเมย์กล่าว:"ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นแฟนของพี่ใหญ่คุณ กู้จื่อเฟย เธอก็คือผู้หญิงปกติธรรมดา คุณสามารถไปขอคำแนะนำจากเธอได้"
ขอคำแนะนำจากกู้จื่อเฟยเหรอ
ฉับพลันป่ายฉีถึงกับหัวโต เกิดอาการต่อต้านขึ้นอย่างรุนแรงทันที
นั่นมันคู่อริเลยนะ ปกติเขาเจอกับกู้จื่อเฟยทีไรก็จะโมโห แทบจะไม่สามารถคุยด้วยกันดี ๆ แม้แต่คำเดียว อย่าพูดถึงการไปขอคำแนะนำเลย เธอจะต้องแดกดันถากถางเขาอย่างแน่นอน
เขาไม่ไป ให้ตายอย่างไรก็ไม่ไป
"ได้ยินมาว่ากู้จื่อเฟยตามจีบเย้นโม่หลิน? นำเย้นโม่หลินเจ้าท่อนเหล็กมาหลอมจนร้อน จากนั้นอยากหล่อเป็นรูปอะไรก็หล่อเป็นรูปอันนั้น?" น้าเมย์กล่าว
ป่ายฉี:"......" คำเปรียบเปรยนี้ทำให้เขาอายแทนเย้นโม่หลินจริง ๆ เฮ้อ
แต่ว่าคำพูดนี้ได้ทำให้เขาคิดออก กู้จื่อเฟยสามารถปราบเย้นโม่หลินได้ อย่างนั้นเธอจะต้องเข้าใจวิธีการปราบนี้เป็นอย่างดี เขาต้องการจะปราบยัยคิงคอง หานจื่อ เป้าหมายต่างกันแต่ผลลัพธ์นั้นเหมือนกัน
เรื่องนี้ ขอคำแนะนำจากกู้จื่อเฟยเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ระหว่างความสำเร็จกับการยอมลดศักดิ์ศรี ป่ายฉีลังเลอยู่สามนาที จากนั้นก็ได้โทรศัพท์ไปหากู้จื่อเฟย
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ทุกสายโทรศัพท์อาจเป็นเรื่องด่วนและความคืบหน้า ยิ่งโทรศัพท์ส่วนตัวของพวกเขาก็ต้องยิ่งใส่ใจตลอดเวลา จึงกดรับ
กู้จื่อเฟยรับสายทันที "ป่ายฉี คุณมีความคืบหน้าอะไรเหรอ"
ป่ายฉีเม้มปาก ไม่ถึงขึ้นมีความคืบหน้า แต่จะเสียหน้าก่อนจะเอ่ยปากพูดไม่ได้นะ เขาจึงครุ่นคิดแล้วกล่าว:
"มีแนวทางของวิธีการ"
"วิธีการอะไร คุณรีบพูดให้มาเร็ว ๆ" กู้จื่อเฟยถามด้วยความตื่นเต้น
นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินข่าวดี เธอแทบจะทนไม่ไหวที่จะรอฟังแนวทางของป่ายฉี และเฝ้ารอแรบบิทหายดีโดยเร็ว
ป่ายฉีรู้สึกคอแหบแห้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...