บทที่ 126 ต่างคนต่างคิด
“พี่เขยมาแล้วเหรอ?”
เย้นซินดวงตาประกายฉับพลัน เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นโห้หลีเฉิน
ชั่วขณะนั้นหล่อนย้ายสายตาไม่ได้เลย
ตอนที่เย้นหว่านหมั้นหมาย หล่อนกำลังอยู่ในโรงเรียน กลับมาไม่ได้ เพียงแค่ต่อมาเคยเห็นรูปของโห้หลีเฉิน ก็รู้ว่าเขาหล่อมาก
ตอนนี้เห็นตัวจริงเข้า ถึงรู้ว่าตัวจริงหล่อกว่าในรูปเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลย
หล่อจนทำให้หายใจลำบาก ชั่วขณะนั้นทำให้ใจเต้นไม่หยุด
“น้องเล็กอายุยังน้อย หลีเฉินอย่าถือสาเลยนะ”
เฉียวเจี้ยฮุ่ยเห็นเย้นซินเหม่อลอย ยิ้มอย่างเกรงใจ และดึงๆ มือของเย้นซิน “เหม่อลอยอะไร ยังไม่ทักทายพี่เขยอีก”
“อ่อ พี่ พี่เขย”
เย้นซินได้สติกลับมา รีบเอ่ยปากขึ้น ดวงตาก็ละจากบนตัวของโห้หลีเฉินไม่ได้เลย
โห้หลีเฉินพยักหน้า ท่วงท่าสูงส่งเย็นชา “อืม”
หัวใจเย้นซินยิ่งเต้นเร็วขึ้น เพียงแค่ตอบว่าอืมง่ายๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นยังไพเราะจนทำให้หูหล่อนเกือบตั้งท้องแล้ว
หล่อนมองโห้หลีเฉินแบบหลงใหล พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนมาก
“พี่เขย พี่รีบเข้ามานั่ง อยากกินอะไร อยากดื่มอะไร ฉันจะทำให้พี่”
“ไม่ต้อง ไม่นานฉันก็จะไปแล้ว”
โห้หลีเฉินพูดๆ อยู่ สายตาไม่ได้หยุดนิ่งแม้แต่น้อย มองทางเย้นซวนมิ้นแล้ว
“คุณลุงครับ ที่ผมมาเย็นนี้ ความจริงอยากรับเย้นหว่านไปพักที่บ้านผมสักสองสามวันครับ”
น้ำเสียงโห้หลีเฉินไม่ช้าไป พูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก เหมือนกับว่าเรื่องราวดูสมเหตุสมผล
เย้นซวนมิ้นมองทั้งสองคนแบบแปลกใจมาก ตั้งนานถึงพูดสองสามคำออกมาจากปาก
“พวกลูก คิดจะอยู่ด้วยกันแล้วหรือ?”
พริบตาเดียวแก้มเย้นหว่านก็แดงฉาด
เธอรีบอธิบาย “พ่อคะ ไม่ใช่ค่ะ คือคุณ……โห้หลีเฉินมือเจ็บแล้ว สองสามวันนี้คงไม่สะดวก ดังนั้นหนูเลยแค่จะย้ายเข้าไปดูแลเขาไม่กี่วัน รอเขาหายแล้ว หนูก็กลับมาค่ะ”
เหมือนเย้นซวนมิ้นยังไม่เชื่อ เย้นหว่านจึงกุมข้อมือซ้ายของโห้หลีเฉินโดยเฉพาะ ยกขึ้นไปตรงหน้าพวกเขา
เย้นซินรีบเข้ามาก่อน จับมือซ้ายของโห้หลีเฉินไว้ หน้าตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
“พี่เขยนี่เป็นอะไรแล้ว? ทำไมถึงเจ็บหนักขนาดนี้? ยังเจ็บอยู่รึเปล่า?”
การสัมผัสของผู้หญิง ทำให้โห้หลีเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาดึงมือกลับมาด้วยความเร็วที่สุด
ทั่วตัวแผ่กระจายกลิ่นอายที่เมินเฉยห่างเหินออกมา
เย้นซินนิ่งแข็ง บนหน้ามึนงงอยู่บ้าง กระอักกระอ่วนพอสมควร
เย้นหว่านมองเย้นซินอย่างสงสัยนิดหน่อย หล่อนห่วงใยโห้หลีเฉินเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
เย้นซวนมิ้นแอบถลึงตาใส่เย้นซินทีหนึ่ง หัวเราะไกล่เกลี่ยให้จบด้วยดี
“ในเมื่อไปดูแลหลีเฉินก็ไปเถอะ ให้แม่ของลูกเก็บกระเป๋าเดินทางให้ลูก”
“หนูก็จะไปด้วย”
เย้นซินรีบเอ่ยปาก เห็นเย้นซวนมิ้นขมวดคิ้ว เหมือนอยากต่อต้าน หล่อนจึงรีบดึงมือของเย้นหว่าน ทำหน้าจริงใจ
“พี่ พี่ให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วยนะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ปิดเทอมอยู่ อยู่ที่บ้านน่าเบื่อ ไปกับพี่ก็ดีกว่า ยิ่ง……”
พูดๆ อยู่ เย้นซินมองโห้หลีเฉินอย่างเขินอาย “พี่ดูแลพี่เขยคนเดียว ถ้ายุ่งเอาไม่ไหว ฉันยังช่วยพี่ได้”
เย้นหว่านคิดไม่ถึงว่าเย้นซินจะพูดคำขอร้องแบบนี้ออกมา ตะลึงค้างด้วยความแปลกใจ
เธอมองทางโห้หลีเฉินโดยจิตใต้สำนึก……
อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาช่วงหนึ่งนี้ เธอก็พอรู้อยู่บ้าง โห้หลีเฉินคนนี้ดูเหมือนสูงส่ง ความจริงยิ่งเย็นชา คงไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ง่ายดาย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เจอกันครั้งแรกเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาเลย
บนใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉินไม่มีอารมณ์อะไร เขาไม่ได้พูด เพียงแค่จ้องมองเย้นหว่านแบบเรียบนิ่ง ทั่วทั้งตัวมีความรู้สึกห่างเหินที่คนเข้าใกล้ไม่ง่ายอย่างหนึ่งอยู่
น่าประหลาดใจ เย้นหว่านก็รู้ความคิดที่เขาจะปฏิเสธแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...