เลขาคนอื่นๆ ในห้องต่างก็รู้ดีถึงอารมณ์ของโห้หลีเฉิน พอได้ยินคำพูดของเก่อหรูซวน พวกเธอก็มองไปทางเย้นหว่านด้วยความเป็นห่วง
การต่อสู้ของทั้งสอง พวกเธอไม่กล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง
ได้แต่มองเย้นหว่านเดินตรงไปที่ห้องทำงานท่านประธาน แล้วตั้งตารอด้วยความกังวลใจ
เย้นหว่านเคาะประตู แล้วเดินเข้าไปในห้อง
โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นเธอ ปากกาที่กำลังเซ็นชื่อก็หยุดลง พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา แล้วกวักมือเรียกเธอเข้าไปหา
"เข้ามาสิครับ"
เข้าไปทำอะไร?
ที่นี่คนอื่น ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งว่ารัก เย้นหว่านเพียงแค่ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะ แล้ววางถาดของว่างไว้ข้างหน้าเขา
เธอพูดขึ้นมา "เก่อหรูซวนบอกว่าคุณเป็นคนจู้จี้จุกจิก จะกินก็แต่ของหวานที่เธอจัดให้ ไม่ชอบของว่างที่ฉันเตรียมไว้ให้ คุณดูสิ ว่ามีอยากอาหารไหม"
"เธอพูดไร้สาระ ผมชอบกินทุกอย่างที่คุณให้มานั่นแหละ"
โห้หลีเฉินพูดอย่างไม่ลังเล ไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย
เขามองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อน ก่อนจะตบด้านข้างของเขา "เด็กดี มานั่งพักตรงนี้ก่อนเถอะ"
ถ้าไม่ใช่เย้นหว่านดึงดันจะทำงานในห้องเลขา เขาคงจัดโต๊ะให้เธอในห้องเดียวกับเขา เพื่อที่เขาจะได้เห็นเธอตลอดเวลาแล้ว
เพิ่งห่างกันได้สักพัก เขาก็คิดถึงเธอแล้ว
เย้นหว่านไม่ขยับ เธอยืนนิ่ง แล้วสแกนกองเอกสารที่กองไว้ด้านหน้าโห้หลีเฉิน
แล้วถามอย่างสงสัย "ทำไมเยอะขนาดนี้ ปกติคุณยุ่งแบบนี้ตลอดเลยเหรอ"
ถ้าต้องจัดการเอกสารพวกนี้ คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการประมวลผลเอกสารเหล่านี้ และนี่เป็นเพียงเอกสารกระดาษเท่านั้น เธอเชื่อว่ายังมีในคอมพิวเตอร์อีก
ปริมาณของเอกสาร ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ช่วงปกติ
"ไม่ได้เซ็นสัญญากับฟีเจ๊กมอน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาทีหลังครับ ผมต้องจัดการเอง อีกทั้งเมื่อคืนกับเช้านี้ผมไม่สนใจ ก็เลยเลื่อนเรื่องทั้งหมดมาจนถึงตอนนี้ ก็เลยล่าช้าไปหน่อย"
โห้หลีเฉินพูด ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา ดวงตาของเขาเป็นประกาย แสร้งทำสีหน้าลำบากใจ "เอกสารเยอะขนาดนี้ ผมคงไม่ว่างจริงๆ และคงไม่มีเวลาไปหยิบของหวานกินด้วย ที่รักครับ เอาอย่างนี้ไหมครับ ระหว่างที่ผมทำงานไปด้วย คุณช่วยอยู่ป้อนของหว่านให้ผมได้ไหม?"
เมื่อตะกี้ตอนคุยกับเธอ เขาวางปากกาอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นจะเหมือนงานยุ่งจนไม่มีเวลากินของว่าเลยสักนิด
เย้นหว่านเพิกเฉยต่อคำร้องขอที่มากเกินไปของเขา แล้วหมุนตัวเดินไปที่โซฟา "คุณรีบเถอะ ฉันต้องเอาถาดออกไปฉีกหน้าคนที่รออยู่ข้างนอกด้วย"
โห้หลีเฉินถอนหายใจ "ที่รักครับ คุณให้ความสำคัญผิดเรื่องไปหรือเปล่า การฉีกหน้าคนอื่นสำคัญกว่าผมอีกเหรอ?"
นี่ถึงกับเร่งให้เขากินให้เสร็จ เธอจะได้รีบออกออกไปเร็วๆ โห้หลีเฉินแทบอยากจะกินขนมถาดนี้ไปตลอดช่วงบ่าย ตอนเลิกงานค่อยปล่อยเธอไป
เย้นหว่านไม่สนใจเขา เธอเดินไปที่โซฟาโดยไม่ลังเล
โห้หลีเฉินส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ภรรยาในปัจจุบันเอาใจยาก และหลอกยากด้วย
เขาคงต้องหยิบกินเอง
เขาหยิบขนมชิ้นหนึ่ง แล้วกำลังจะใส่เข้าไปในปากของตัวเอง ในเวลานี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นหนึ่งในเลขาสาว "ท่านประธานคะ มีเอกสารจากฝ่ายโครงการมาส่งค่ะ"
เย้นหว่านที่เดินไปที่โซฟาหยุดกะทันหัน แล้วหันกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงบนตักของเขา ภายใต้ความมึนงงของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินตกใจกับการกระทำที่รวดเร็วของเธอจนลืมเอ่ยอนุญาตให้เข้ามา เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเขามึนงง
"ที่รัก คุณคิดได้แล้วใช่ไหม คุณพุ่งเข้าหาผมแบบนี้ ผมรู้สึกตกใจจริงๆ"
ปากบอกว่าเขาตกใจ แต่แขนของเขาโอบรอบเอวเธออย่างธรรมชาติ
ภรรยาตัวนุ่ม กอดไว้ทำให้มั่นคงและสบายใจมากกว่า
แก้มของเย้นหว่านแดงก่ำ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกกดทับเล็กน้อย แต่ว่า การกระทำของเธอค่อนข้างรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกอายเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...